หลายพรรครุมกินโต๊ะเลือกตั้งนายกนครอุบล หวังเขี่ยเมีย “เกรียง” อดีต ส.ส.เพื่อไทยพ้นทาง

อุบลราชธานี - “พล.ต.อ.ชิดชัย” อดีตรองนายกรัฐมนตรี นำทีมแกนนำหลายพรรคการเมือง ทั้งระดับจังหวัดและระดับประเทศ หาเสียงช่วยผู้สมัครฝ่ายตรงข้ามภรรยา “เกรียง กัลป์ตินันท์” อดีต ส.ส.หลายสมัย ชำแหละนโยบายทำเมืองเสียโอกาส หาเรื่องทะเลาะชุมชน ละลายวิถีชีวิตชนบท วอนผู้มีสิทธิเลือกตั้งช่วยกันเปลี่ยนแปลงเมืองวันที่ 24 มีนาคมนี้

ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.อุบลราชธานี ว่าเมื่อค่ำวันที่ 20 มีนาคม ที่หน้าศาลากลางหลังเก่า น.ส.สมปรารถนา วิกรัยเจิดเจริญ ผู้สมัครเลือกตั้งนายกเทศมนตรีนครอุบลราชธานี พร้อมผู้สนับสนุนเปิดเวทีปราศรัยใหญ่ มีประชาชนร่วมฟังราว 2,000 คน สำหรับกลุ่มผู้สนับสนุน น.ส.สมปรารถนา มาจากกลุ่มการเมืองระดับชาติ อาทิ พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี นายสิทธิชัย โควสุรัตน์ อดีต ส.ส.อุบลราชธานี แกนนำพรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน นายพรชัย โควสุรัตน์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด นายประชา กิจตรงศิริ แกนนำกลุ่มรักอุบล ซึ่งเป็นกลุ่มการเมืองฝ่ายตรงข้ามกับนางรจนา กัลป์ตินันท์ อดีตนายกเทศมนตรี ที่เพิ่งหมดวาระ

พล.ต.อ.ชิดชัยกล่าวว่า ตนเป็นคนอุบลราชธานีโดยกำเนิด เมื่อเป็นรองนายกรัฐมนตรีได้ดึงงบประมาณมาพัฒนาจังหวัดเพราะต้องการให้เมืองอุบลราชธานีซึ่งเป็นเมืองหน้าด่านอีสานใต้เจริญรุดหน้าเท่าเทียมหัวเมืองใหญ่ภาคอื่น แต่เมื่อมีผู้บริหารที่ไม่เข้าใจการพัฒนาบ้านเมือง จึงทำให้เกิดการหยุดชะงักในช่วง 8 ปีที่ผ่านมา

ล่าสุด เมืองอุบลราชธานีได้เสียโอกาสอีกครั้งกับโครงการรถไฟความเร็วสูง เพราะรัฐบาลจะทำรถไฟมาถึงแค่ จ.นครราชสีมา แต่ภาคเหนือไปถึง จ.เชียงใหม่ ภาคใต้ไปถึง จ.ประจวบคีรีขันธ์ ดังนั้นการเลือกผู้บริหารในระดับเทศบาลจึงมีความสำคัญ หากต้องการพัฒนาเมืองให้รุดหน้าทันบ้านเมืองอื่น ผู้บริหารต้องมีวิสัยทัศน์ ไม่ใช่หาเรื่องทะเลาะกับชาวบ้าน ต้องมุ่งมั่นทำงานให้ชุมชน

“จึงขอให้พี่น้องช่วยเลือก น.ส.สมปรารถนา คนรุ่นใหม่ที่มีวิสัยทัศน์ไกล ไม่เผด็จการ รับฟังปัญหาของชุมชน และเข้ากับคนได้ทุกกลุ่ม”

นายขวัญสรวง อติโพธิ นักวิชาการชื่อดัง แต่ถือกำเนิดที่ จ.อุบลราชธานี กล่าวว่า สมัยเด็กพ่อแม่พามาวิ่งเล่นอยู่สนามทุ่งศรีเมือง ซึ่งมีความร่มรื่น มีต้นไม้ขึ้นเขียวชอุ่ม แต่ปัจจุบันไม่เหลือต้นไม้ให้เห็น เพราะผู้บริหารเทศบาลมีความอาฆาตแค้นต้นไม้สั่งตัดจนไม่เหลือ และเสียดายอาคารศาลาประชาคมที่สร้างขึ้นมาแล้วไม่ได้ใช้ประโยชน์ เพราะมีการปลูกสร้างสิ่งกีดขวางทางเข้าออก ในฐานะที่ตนเป็นสถาปนิกถือเป็นความผิดอย่างมหันต์ นอกจากนี้ยังเคยลงมาดูชุมชนริมแม่น้ำมูลที่ถูกคุกคามโดยเอาดินไปถมสูงเท่าหลังคาบ้านเพื่อทำถนนเลียบแม่น้ำ ถือเป็นการพัฒนาที่ทำร้ายคนที่อยู่เดิม ส่วนการปรับโฉมตลาดใหญ่ ซึ่งเคยเป็นตลาดที่สำคัญของจังหวัด เป็นแหล่งรวมสินค้าจากชนบท ทุกวันนี้ไม่เหลือสภาพตลาดสดของชุมชน ไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้เต็มที่ และยังมีความพยายามทำลายตลาดชุมชนที่ตลาดต้นยาง แต่ชาวชุมชนร่วมกันต่อต้านจนถึงที่สุด จึงเหลือรอดมาได้ถึงทุกวันนี้

“คนเป็นผู้บริหารต้องมองไกล มองถึงวิถีชีวิตการทำมาหากินของชุมชน ไม่ใช่คิดวิ่งเต้นเอางบประมาณจากส่วนกลางลงมาทำลายความเป็นอยู่ของประชาชน ด้วยโครงสร้างที่ไม่เข้ากับการดำเนินชีวิตของชุมชน เช่น สร้างถนนขวางทางน้ำตามริมแม่น้ำมูล คนทั้งเมืองรู้ดี ถึงหน้าน้ำก็ต้องถูกน้ำท่วม แล้วสร้างให้น้ำมันท่วม ไม่รู้นักบริหารคิดอย่างนี้ได้อย่างไร จึงขอเรียกร้องให้คนในเทศบาลร่วมกันเปลี่ยนแปลงเมือง เลือกนักบริหารที่มีวิสัยทัศน์ยาวไกลเพื่อให้การพัฒนาเมืองไม่ไร้ทิศทางเหมือนที่ผ่านมา” นายขวัญสรวงกล่าว

สำหรับการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีนครอุบลราชธานีจะมีขึ้นในวันที่ 24 มีนาคมนี้ โดยเป็นการต่อสู้ระหว่างผู้สมัครหมายเลข 1 น.ส.สมปรารถนา วิกรัยเจิดเจริญ ที่ได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มการเมืองในจังหวัด ทั้งระดับเทศบาล องค์การบริหารส่วนจังหวัด และกลุ่มการเมืองระดับชาติ ทั้งพรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคเพื่อไทย สาย พล.ต.อ.ชิดชัย กับหมายเลข 2 นางรจนา กัลป์ตินันท์ อดีตนายกเทศมนตรี 2 สมัย ภรรยานายเกรียง กัลป์ตินันท์ อดีตแกนนำพรรคเพื่อไทย