เชียงใหม่/พิจิตร/นครสวรรค์ - ภัยแล้งยังคงลุกลามขยายวงไม่หยุด เกษตรกรหลายจังหวัดในภาคเหนือเจอผลกระทบถ้วนหน้า ทั้งที่เชียงใหม่-พิจิตร พืชสวนแห้งตายเป็นเบือ ส่วนน้ำปิงที่ปากน้ำโพแห้ง จนชาวบ้านต้องขุดร่องสูบน้ำเข้านากันแล้ว
สถานการณ์ภัยแล้งในหลายจังหวัดภาคเหนือยังคงทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ โดยที่เชียงใหม่ แม้แต่พื้นที่การเกษตรที่อยู่ไม่ห่างจากคลองชลประทานมากนัก ทั้งที่อยู่เขตอำเภอหางดง เรื่อยไปถึงอำเภอสันป่าตอง ผลผลิตต่างๆ เช่น แตงโม ฟักทอง บางส่วนแห้งตาย เพราะขาดน้ำไปเป็นจำนวนมากแล้ว จนเกษตรกรต้องสูบน้ำที่มีอยู่เพียงเล็กน้อยในคันคลองชลประทาน เพื่อช่วยให้ผลผลิตบางส่วนรอดพ้นวิกฤตินี้ไป แต่บางส่วนก็ต้องปล่อยให้แห้งตายไป และบางที่ไม่สามารถที่ผันน้ำเข้าได้ก็ต้องปล่อยแปลงร้างไว้ รอเข้าสู่ช่วงหน้าฝนถึงจะเริ่มลงมือปลูกพืชผลต่อไปได้
ส่วนที่ จ.พิจิตร ภัยแล้งก็ส่งผลกระทบทั้งสวนมะม่วง มะยงชิด รวมไปถึงสวนแตงโม โดยนายสายัณห์ บุญยิ่ง เลขานุการสมาคมชาวสวนมะม่วงไทย ผู้ปลูกมะม่วง-มะยงชิดอยู่ที่อำเภอสากเหล็ก จังหวัดพิจิตร กล่าวว่า ภัยแล้งและอากาศแปรปรวนรวมถึงมีฝนหลงฤดู ทำให้สวนมะยงชิด มะม่วงน้ำดอกไม้สีทอง มะม่วงฟ้าลั่น มะม่วงเพชรบ้านลาด เขต ต.ทับไทร พื้นที่เกือบ 1 หมื่นไร่ได้รับผลกระทบผลผลิตไม่ตรงตามฤดูกาล คาดว่าจะได้ผลผลิตในปีนี้เพียงแค่ 1 ใน 3 เมื่อเทียบกับปีก่อนๆ ซึ่งทุกปีจะมีการส่งออกมะม่วงน้ำดอกไม้สีทองเกรดเอขนาด 3 ลูกหนัก 1 กก.จะส่งไปขายประเทศญี่ปุ่น จีน เกาหลี ได้ราคา กก.ละ 70-85 บาท ปีหนึ่งๆ สามารถสร้างรายได้ให้ชาวสวนมะม่วงพิจิตรปีละกว่า 200 ล้านบาท แต่ปีนี้ไม่มีสินค้าจำหน่ายเนื่องจากภัยแล้งและอากาศที่แปรปรวน จึงทำให้ชาวสวนมะม่วงพิจิตรต้องประสบกับปัญหาขาดทุนแน่
เช่นเดียวกับสวนแตงโมที่เจอโรคแมลง และฝนหลงฤดูทำให้ผลผลิตเสียหายขายไม่ได้ราคา โดยนายสมบัติ สีดาเลิศ อายุ 51 ปี ผู้ปลูกแตงโมเขตบ้านหนองยาง ตำบลหนองพระ อำเภอวังทรายพูน จังหวัดพิจิตร กล่าวว่า ขณะนี้เกษตรกรผู้ปลูกแตงโมในอำเภอวังทรายพูน กว่า 2 พันไร่ต่างเจอปัญหาแมลงศัตรูพืชกัดกินโดยเฉพาะเพลี้ยไฟ ไรแดง ผลผลิตเสียหาย ประกอบกับเมื่อ 10-15 วันที่ผ่านมาก็ต้องเจอกับฝนลงฤดู ทำให้ต้นแตงโมตาย เพราะความชื้นและเกิดเชื้อราที่ลำต้น ส่งผลให้ผลผลิตที่ได้ราคาตกต่ำเหลือเพียงกิโลกรัมละ 6-8 บาท จากที่เคยก่อนหน้านี้ขายได้ถึง กก.ละ 10-12 บาท จึงทำให้ต้องเดือดร้อนกันทั่วหน้า
ส่วนที่ จ.นครสวรรค์ เมืองปากน้ำโพ ขณะนี้ชาวนาต้องรวมกลุ่มสูบน้ำใส่ผืนนาข้าวกว่า 4 พันไร่ ที่ใกล้เก็บเกี่ยวได้ตลอด 24 ชั่วโมง ขณะที่ระดับแม่น้ำปิงลดระดับต่ำลงต่อเนื่องจนเห็นเนินทราย โดยกลุ่มชาวบ้านท่าจันทร์หมู่ 3 ต.บ้านแดน อ.บรรพตพิสัย จ.นครสวรรค์ ต้องนำรถแบ็กโฮมาขุดร่องน้ำจากกลางแม่น้ำปิงมายังโรงสูบน้ำด้วยไฟฟ้าเพื่อให้สามารถเดินเครื่องสูบน้ำได้ เนื่องจากขณะนี้ระดับน้ำปิงลดลงจนไม่สามารถสูบน้ำตามปกติ ซึ่งสถานีสถานีสูบน้ำบริเวณดังกล่าวนั้นบางเวลาต้องหยุดสูบน้ำขึ้นมา จากสภาพแม่น้ำปิงที่ตื้นเขินและมีแนวโน้มว่าจะลดลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้หลายช่วงของแม่น้ำมีเนินทรายขึ้นเป็นทางยาว
ชาวบ้านบอกว่า สถานการณ์ภัยแล้งมีแนวโน้มจะวิกฤตเพิ่มขึ้น เบื้องต้นได้แก้ปัญหาเฉพาะหน้าด้วยการโดยจ้างรถแบ็กโฮมาขุดเนินทรายเปิดทางน้ำเพื่อให้พอที่จะวางท่อสูบน้ำได้ พร้อมต่อท่อสูบน้ำให้ยาวเพิ่มขึ้นเพื่อที่จะสูบน้ำเข้าพื้นที่นากว่า 4,000 ไร่ที่กำลังตั้งท้องรอการเก็บเกี่ยวและต้องการน้ำอย่างเร่งด่วน ซึ่งในขณะนี้ต้องผลัดเปลี่ยนเดินเครื่องสูบน้ำที่มีอยู่ตลอด 24 ชั่วโมง