กาญจนบุรี - หลายฝ่ายรวมทั้งสื่อรุมทึ้ง “หมอเณร” หมอสมุนไพรชื่อดังเมืองกาญจนบุรี หลังแต่งเพลง-ร้องเองประชดรัฐผ่านยูทิวบ์ “มรดกไทย หมอเณร” ขณะที่เจ้าตัวเชื่อข้าราชการ และนักการเมืองต่างเคยผ่านการใช้ยาสมุนไพรรักษาอาการป่วยกันมาแล้วทั้งนั้น แต่สุดท้ายกลับลืมสรรพคุณของมัน เผยหากตัดใจขายสวนสมุนไพรทิ้ง ตำรา และยาสมุนไพรที่มีอยู่ก็คงสูญไปด้วย
วันนี้ (7 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่นายชัยรัตน์ นนทชัย หรือหมอเณร อายุ 56 ปี อยู่บ้านเลขที่ 36 หมู่ 10 ต.สระลงเรือ อ.ห้วยกระเจา จ.กาญจนบุรี หมอยาสมุนไพรชื่อดัง ได้เผยแพร่คลิปวิดีโอเพลงที่แต่งขึ้นเอง และขับร้องเองเพื่อประชดประชันหน่วยงานภาครัฐลงทางยูทิวบ์ ล่าสุด วันนี้มีผู้เข้าชมคลิปดังกล่าวทางยูทิวบ์ “มรดกไทย หมอเณร” แล้วเกือบ 5,000 คน และมีผู้เข้าชมตามเว็บไซต์ต่างๆ อีกเป็นจำนวนมาก พร้อมกับแสดงความคิดเห็นต่างๆ นานา
โดยเฉพาะเว็บไซต์ของ “ASTVผู้จัดการออนไลน์” ประจำวันที่ 6 มี.ค.ที่ผ่านมา มีผู้เข้าไปร่วมแสดงความคิดเห็น เช่น ผู้ที่ใช้นามว่า “ขุนศึก มัฆวาน 51” แสดงความคิดเห็นว่า “สมุนไพรไทยกว่าจะได้รับ อย.ยากเย็นแสนเข็ญ มันเรียกค่าคอมมิชชันครั้งละ 10 ล้านถึงจะให้ผ่าน และได้ อย.”
ส่วนผู้ที่ใช้นามว่า “คนจร” ก็ได้แสดงความคิดเห็นว่า หมอแผนปัจจุบันไม่ต้องการให้คนไข้หายขาด จะได้เงินนานๆ หมอแผนโบราณรักษาจนกว่าจะหายขาดจึงจะรับค่ารักษา ไม่หายไม่ขอรับ รัฐบาลไม่สนับสนุนยาสมุนไพร ยาเเผนโบราณเพราะกลัวไปเเย่งงานคนจบเเพทย์เเผนปัจจุบันที่ลงทุนค่าเล่าเรียนมาก ระบบราชการพยายามทุกวิถีทางเพื่อไม่ให้ปัญญาชาวบ้านได้เกิดในบ้านนี้เมืองนี้ ยารักษาโรคมะเร็ง โรคเอดส์ ของไทยเราก็มีนานเเล้ว แต่รัฐบาลไม่ให้ประกาศใช้เป็นทางการกลัวไปกลบรัศมีความนิยมยาเเผนปัจจุบัน เพื่อได้เงินจากการขายยายืดชีวิตจากคนเป็นมะเร็งคนเป็นเอดส์ นี่คือจรรยาบรรณของเเพทย์เเผนปัจจุบัน”
นอกจากนี้ บางความคิดเห็นยังมีความเป็นห่วงว่า อนาคตอันใกล้ลิขสิทธิ์สมุนไพรไทยอาจจะตกเป็นของชาวต่างชาติ โดยที่คนไทยอาจจะไปซื้อยาสมุนไพรจากต่างประเทศก็เป็นได้
ด้่านนายชัยรัตน์ นนทชัย หรือหมอเณร เปิดเผยว่า หลังจากที่ตนได้เผยแพร่คลิปวิดีโอเพลงที่แต่งขึ้นเอง และขับร้องเองลงทางยูทิวบ์ “มรดกไทย หมอเณร” แล้วได้มีผู้โทรศัพท์มาให้กำลังใจตนเป็นจำนวนมาก ซึ่งตนก็ได้แสดงความขอบคุณไป และยังยืนยันว่า จะทำหน้าที่ผลิตยาสมุนไพรรักษาผู้ป่วยต่อไป ตามวิชาที่ได้เรียนรู้มาตั้งแต่สมัยที่บวชเป็นสามเณร
ส่วนสวนสมุนไพรของตนที่มีอยู่ 100 ไร่นั้น หากมีความจำเป็นที่จะต้องขายสวนสมุนไพรทิ้งตนคิดว่าเมื่อถึงเวลานั้นจริงๆ สมุนไพรที่มีอยู่ หรือสูตรตัวยาสมุนไพรที่ตนมีซึ่งยากต่อการเรียนรู้ อาจจะต้องอันตรธานหายไปด้วยอย่างแน่นอน
“สำหรับที่เพลงที่ผมแต่ง และนำไปเผยแพร่ทางยูทิวบ์ “มรดกไทย หมอเณร” นั้นเนื้อหาส่วนใหญ่จะเป็นการสื่อให้เห็นคุณค่าของสมุนไพรไทยที่สามารถหาได้เองโดยไม่ต้องไปซื้อ ส่วนการคิดค้นตัวยาก็คิดค้นจากตำราที่มีอยู่ และผมเชื่อว่า ไม่ว่าข้าราชการ ทหาร ตำรวจ หรือนักการเมือง หรือประชาชนทั่วไปต่างเคยผ่านการใช้ยาสมุนไพรรักษาอาการป่วยกันมาแล้วทั้งนั้น โดยเฉพาะสมัยที่ยังเป็นเด็ก แต่ปัจจุบัน กลับลืมสรรพคุณของสมุนไพรกันไปหมด แต่อย่างไรก็ตาม หากผมตัดสินใจได้เมื่อไหร่ว่าจะขายสวนสมุนไพรก็จะแถลงข่าวให้ทราบอีกครั้งหนึ่ง”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากเพลงของหมอเณรถูกเผยแพร่ทางยูทิวบ์ “มรดกไทย หมอเณร” ออกไปปรากฏว่า ได้มีสื่อต่างๆ ติดต่อเข้าไปทำข่าวกันจำนวนมาก นอกจากนี้่ ยังมีหน่วยงานต่างๆ ที่สนใจเกี่ยวกับยาสมุนไพรก็ได้ติดต่อไปเพื่อขอยามารักษา และสอบถามเกี่ยวกับการใช้ยาสมุนไพรต่อหมอเณรด้วย