ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - ตำรวจยังคงสอบสวน 3 พนักงานประจำรถขนเงินแบงก์กรุงไทยอย่างต่อเนื่อง หลังยังไม่ได้ข้อสรุปเหตุเงิน 9.2 ล้านอันตรธานจากรถ เผยพบพิรุธมีหนึ่งในพนักงานขอยืมกุญแจไขรถ-มีคนถือกุญแจเพียงคนเดียว ทั้งที่ตามปกติต้องแยกกันถือ ด้านรอง ผบช.ภาค 5 แจงเร่งรวบรวมพยานหลักฐานอยู่ ระบุยังไม่ฟันธงใครผิดต้องให้เวลาเจ้าหน้าที่ทำงานก่อน
วันนี้ (7 มี.ค. 56) ที่สถานีตำรวจภูธรแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งจากกองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 5 ตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ และตำรวจภูธรแม่ริม ยังคงทำการสืบสวนพนักงานประจำรถทั้ง 3 รายของบริษัท กรุงไทยธุรกิจบริการ จำกัด อย่างต่อเนื่อง หลังเกิดเหตุเงินจำนวน 9.2 ล้านบาทหายไปจากรถขนเงินหมายเลข K279 เลขทะเบียน ถง 5736 กรุงเทพมหานคร ซึ่งพนักงานทั้ง 3 รายเป็นผู้รับผิดชอบ ที่ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาขน) สาขาแม่ริมเมื่อวานนี้ (6 มี.ค.)
โดยจนถึงขณะนี้พนักงานทั้ง 3 รายซึ่งประกอบด้วย นายณัฐวัฒน์ สายอุดม คนขับ, นายสุดปรีชา ทองพัน หัวหน้าชุด และนายชัชพงศ์ อุทยาน คณะกรรมการร่วมยังคงให้การปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับเหตุเงินหายดังกล่าว อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงดำเนินการสืบสวนอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งได้หารือกับคณะผู้แทนของบริษัท กรุงไทยธุรกิจบริการ จำกัด นำโดยนายพิภพ ศรีสุโข ผู้อำนวยการฝ่ายขนส่งทรัพย์สิน กรุงไทยธุรกิจบริการ จำกัด ถึงการดำเนินการในเรื่องดังกล่าวในขั้นตอนต่อไป
รายงานข่าวแจ้งว่า จากการสอบสวนพนักงานทั้ง 3 รายพบว่า ในคำให้การมีประเด็นที่น่าสงสัย กล่าวคือ ในระหว่างที่พนักงานทั้ง 3 รายขับรถขนเงินคันดังกล่าวเดินทางมาถึงธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สาขาแม่ริม และจอดรถไว้ ณ บริเวณที่จอดรถของธนาคารเพื่อออกไปหาอาหารรับประทานนั้น มีหนึ่งในพนักงานได้ขอยืมกุญแจรถจากเพื่อนร่วมงานเพื่อนำมาไขรถ แต่ไม่พบหลักฐานในข้อมูลระบบ GPS ว่ามีการเปิดเซฟด้านหลังรถแต่อย่างใด ขณะเดียวกันยังพบข้อมูลว่ามีการถือกุญแจทั้งหมดไว้ที่พนักงานเพียงคนเดียว ทั้งที่ตามวิธีปฏิบัติพนักงานแต่ละคนจะต้องถือกุญแจไว้คนละดอก นอกจากนี้ยังมีข้อมูลว่า มีพนักงานหลายคนได้ขอลาหยุดงานพร้อมกันในวันเกิดเหตุ ซึ่งถือว่าเป็นการกระทำที่ค่อนข้างผิดปกติ
พล.ต.ท.ชำนาญ รวดเร็ว รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 กล่าวว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงดำเนินการสืบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว โดยได้มอบหมายให้ พ.ต.อ.วีระวุฒิ เนียมน้อย รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่เป็นดูแลในเรืองดังกล่าว ซึ่งคงจะต้องให้เวลาเจ้าหน้าที่ตำรวจในการติดตามสอบสวนสักระยะหนึ่งเพื่อให้เกิดความชัดเจนมากที่สุด
สำหรับเงินที่หายไปนั้นกำลังทำการตรวจสอบอยู่ คาดว่าน่าจะยังอยู่ในพื้นที่ ขณะที่การออกหมายจับผู้ต้องหานั้นคงต้องรออีกสักระยะหนึ่งเช่นกัน ส่วนพนักงานทั้ง 3 รายที่เป็นผู้รับผิดชอบรถคันที่เกิดเหตุนั้นก็ถือว่ามีความผิดต่อทางบริษัทต้นสังกัดฐานบกพร่องต่อหน้าที่ แต่จะมีความผิดทางอาญาด้วยหรือไม่นั้นคงจะต้องรอผลการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ต่อไป