ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - ผบก.สส.ภาค 5 แจงคดีเงิน 9.2 ล้านหายจากรถขนเงินแบงก์กรุงไทยคืบหน้า แต่ที่ดูล่าช้าเพราะคดีซับซ้อนต้องทำงานรอบคอบ ยันแบ่งงาน 3 ฝ่าย “ภาค 5-ภ.จว.เชียงใหม่-สภ.แม่ริม” ติดตามข้อมูลแล้ว พร้อมตั้งเป้าตรวจสอบรถตามล่าหาฮอนด้าซีวิคสีดำต้องสงสัย-บุคคลที่ 3-เงินของกลาง
วันนี้ (11 มี.ค. 56) พล.ต.ต.ประจวบ วงศ์สุข ผู้บังคับการกองบังคับการสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรภาค 5 เป็นประธานในการประชุมติดตามความคืบหน้า คดีเงิน 9.2 ล้านบาท หายไปจากรถขนเงินของบริษัท กรุงไทยธุรกิจบริการ จำกัด เหตุเกิดที่ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สาขาแม่ริม อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 6 มี.ค.ที่ผ่านมา โดยมี พ.ต.อ.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย ผู้กำกับสืบสวนสอบสวน 1 กองบังคับการสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรภาค พ.ต.อ.สมชัย อินทโสตถิ ผกก.สภ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ และคณะเข้าร่วมประชุม
การประชุมในครั้งนี้มีขึ้นเพื่อให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้รับทราบความคืบหน้าของการสืบสวนสอบสวน รวมทั้งหารือกันถึงข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับกรณีดังกล่าวจากแต่ละฝ่าย รวมถึงการพิจารณาข้อมูลต่างๆ ที่มีการแจ้งเข้ามายังเจ้าหน้าที่ตำรวย ภายหลังจากที่มีการประกาศตั้งรางวัลจำนวน 100,000 บาท ให้แก่ผู้ที่สามารถแจ้งเบาะแสของผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องหรือนำไปสู่การติดตามนำเงินจำนวน 9.2 ล้านบาทกลับคืนมาได้ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แบ่งคณะทำงานออกเป็น 3 ชุด ประกอบด้วย ชุดสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ ชุดสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 5 และชุดสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรแม่ริม ซึ่งทั้ง 3 ชุดจะทำงานร่วมกันในประเด็นต่างๆ ที่มีความเกี่ยวข้องกับคดี
พล.ต.ต.ประจวบกล่าวว่า การประชุมในวันนี้ถือเป็นการสรุปความคืบหน้าจากการสืบสวนตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยที่ประชุมได้นำข้อมูลทั้งหมดมาวิเคราะห์อย่างละเอียด ทั้งการตรวจสอบพนักงานธนาคาร ผู้ใช้บริการ รวมถึงรถยนต์ที่จอดอยู่ในบริเวณธนาคารในช่วงเกิดเหตุ ซึ่งถือว่ามีความคืบหน้าพอสมควร ขณะเดียวกันยังได้ตรวจสอบข้อมูลจากกล้อง CCTV ประกอบ ซึ่งในขณะเหลือการตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมบางส่วนและรอการวิเคราะห์ข้อมูลของเจ้าหน้าที่ เช่นเดียวกับในส่วนของรถยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นซิตี้ สีดำ ที่ต้องสงสัยว่าอาจมีความเกี่ยวข้องกับการหายไปของเงิน 9.2 ล้านบาทจากรถขนเงินซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังเร่งติดตามตรวจสอบหารถคันดังกล่าวด้วยเช่นกัน
พล.ต.ต.ประจวบกล่าวต่อว่า สำหรับกรณีของรถยนต์ต้องสงสัยในวันเกิดเหตุนั้น จากการตรวจสอบพบว่ามีรถยนต์อยู่ในบริเวณธนาคารในวันเกิดเหตุจำนวน 17 คัน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตัดรถยนต์คันที่ไม่เกี่ยวข้องออกไปบางส่วนแล้ว อย่างไรก็ตาม ยังมีรถยนต์บางคันที่เจ้าของรถยังให้การปฏิเสธ แม้จะมีหลักฐานจากกล้องวงจรปิดระบุว่าในวันเกิดเหตุได้นำรถมาจอดในบริเวณธนาคารจริง ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าเจ้าของรถอาจไม่ต้องการให้ความร่วมมือ หรืออาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุเงินหาย ซึ่งเจ้าหน้าที่เองก็ต้องหาหลักฐานเพิ่มเติม เพราะมีความเป็นไปได้ที่กรณีดังกล่าวจะมีบุคคลที่ 3 เข้ามาเกี่ยวข้อง จึงต้องตรวจสอบทั้งพนักงานธนาคารและผู้มาใช้บริการของธนาคาร ทำให้ต้องใช้เวลาค่อนข้างมากในการรวบรวมข้อมูล
ผู้บังคับการกองบังคับการสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรภาค 5 ระบุว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตั้งเป้าหมายใน 2 ส่วน ได้แก่การติดตามหาตัวผู้ร่วมกระทำความผิด และการติดตามหาเงินของกลางจำนวน 9.2 ล้านบาท โดยทุกฝ่ายได้พยายามอย่างเต็มที่ แต่เนื่องจากพฤติการณ์ของผู้ต้องหามีความแยบยลสูง และน่าจะมีการวางแผนไว้เป็นอย่างดี อีกทั้งผู้ต้องหาทั้ง 2 คนยังคงให้การปฏิเสธ ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องทำงานในแต่ละขั้นตอนอย่างรอบคอบ อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าเงิน 9.2 ล้านบาทจะยังอยู่ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่แน่นอน
วันนี้ (11 มี.ค. 56) พล.ต.ต.ประจวบ วงศ์สุข ผู้บังคับการกองบังคับการสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรภาค 5 เป็นประธานในการประชุมติดตามความคืบหน้า คดีเงิน 9.2 ล้านบาท หายไปจากรถขนเงินของบริษัท กรุงไทยธุรกิจบริการ จำกัด เหตุเกิดที่ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สาขาแม่ริม อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 6 มี.ค.ที่ผ่านมา โดยมี พ.ต.อ.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย ผู้กำกับสืบสวนสอบสวน 1 กองบังคับการสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรภาค พ.ต.อ.สมชัย อินทโสตถิ ผกก.สภ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ และคณะเข้าร่วมประชุม
การประชุมในครั้งนี้มีขึ้นเพื่อให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้รับทราบความคืบหน้าของการสืบสวนสอบสวน รวมทั้งหารือกันถึงข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับกรณีดังกล่าวจากแต่ละฝ่าย รวมถึงการพิจารณาข้อมูลต่างๆ ที่มีการแจ้งเข้ามายังเจ้าหน้าที่ตำรวย ภายหลังจากที่มีการประกาศตั้งรางวัลจำนวน 100,000 บาท ให้แก่ผู้ที่สามารถแจ้งเบาะแสของผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องหรือนำไปสู่การติดตามนำเงินจำนวน 9.2 ล้านบาทกลับคืนมาได้ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แบ่งคณะทำงานออกเป็น 3 ชุด ประกอบด้วย ชุดสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ ชุดสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 5 และชุดสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรแม่ริม ซึ่งทั้ง 3 ชุดจะทำงานร่วมกันในประเด็นต่างๆ ที่มีความเกี่ยวข้องกับคดี
พล.ต.ต.ประจวบกล่าวว่า การประชุมในวันนี้ถือเป็นการสรุปความคืบหน้าจากการสืบสวนตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยที่ประชุมได้นำข้อมูลทั้งหมดมาวิเคราะห์อย่างละเอียด ทั้งการตรวจสอบพนักงานธนาคาร ผู้ใช้บริการ รวมถึงรถยนต์ที่จอดอยู่ในบริเวณธนาคารในช่วงเกิดเหตุ ซึ่งถือว่ามีความคืบหน้าพอสมควร ขณะเดียวกันยังได้ตรวจสอบข้อมูลจากกล้อง CCTV ประกอบ ซึ่งในขณะเหลือการตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมบางส่วนและรอการวิเคราะห์ข้อมูลของเจ้าหน้าที่ เช่นเดียวกับในส่วนของรถยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นซิตี้ สีดำ ที่ต้องสงสัยว่าอาจมีความเกี่ยวข้องกับการหายไปของเงิน 9.2 ล้านบาทจากรถขนเงินซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังเร่งติดตามตรวจสอบหารถคันดังกล่าวด้วยเช่นกัน
พล.ต.ต.ประจวบกล่าวต่อว่า สำหรับกรณีของรถยนต์ต้องสงสัยในวันเกิดเหตุนั้น จากการตรวจสอบพบว่ามีรถยนต์อยู่ในบริเวณธนาคารในวันเกิดเหตุจำนวน 17 คัน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตัดรถยนต์คันที่ไม่เกี่ยวข้องออกไปบางส่วนแล้ว อย่างไรก็ตาม ยังมีรถยนต์บางคันที่เจ้าของรถยังให้การปฏิเสธ แม้จะมีหลักฐานจากกล้องวงจรปิดระบุว่าในวันเกิดเหตุได้นำรถมาจอดในบริเวณธนาคารจริง ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าเจ้าของรถอาจไม่ต้องการให้ความร่วมมือ หรืออาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุเงินหาย ซึ่งเจ้าหน้าที่เองก็ต้องหาหลักฐานเพิ่มเติม เพราะมีความเป็นไปได้ที่กรณีดังกล่าวจะมีบุคคลที่ 3 เข้ามาเกี่ยวข้อง จึงต้องตรวจสอบทั้งพนักงานธนาคารและผู้มาใช้บริการของธนาคาร ทำให้ต้องใช้เวลาค่อนข้างมากในการรวบรวมข้อมูล
ผู้บังคับการกองบังคับการสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรภาค 5 ระบุว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตั้งเป้าหมายใน 2 ส่วน ได้แก่การติดตามหาตัวผู้ร่วมกระทำความผิด และการติดตามหาเงินของกลางจำนวน 9.2 ล้านบาท โดยทุกฝ่ายได้พยายามอย่างเต็มที่ แต่เนื่องจากพฤติการณ์ของผู้ต้องหามีความแยบยลสูง และน่าจะมีการวางแผนไว้เป็นอย่างดี อีกทั้งผู้ต้องหาทั้ง 2 คนยังคงให้การปฏิเสธ ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องทำงานในแต่ละขั้นตอนอย่างรอบคอบ อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าเงิน 9.2 ล้านบาทจะยังอยู่ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่แน่นอน