ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - ตำรวจสอบเครียด 3 พนักงานประจำรถขนเงินแบงก์กรุงไทยพร้อมเร่งเก็บหลักฐานหลังเงินสด 9 ล้านอันตรธานจากรถไร้ร่องรอย พบรถขนเงินบรรทุกเงินสด 9 ถุง 27 ล้านออกจากสาขาข่วงสิงห์ไปส่ง แต่พอถึงสาขาแม่ริมซึ่งเป็นจุดแรกกลับพบเงินหายไป 3 ถุง 9 ล้านบาท เผยตรวจสอบพบรถเปิดท้ายแค่สองครั้งที่ข่วงสิงห์กับแม่ริม ขณะที่ภาพวงจรปิดระบุขนเงินขึ้นรถครบ 9 ถุง แถมกุญแจที่จะเปิดท้ายต้องใช้ 3 ดอกจากพนักงานคนนอกไม่น่ามี เบื้องต้นชี้พนักงานให้การวกวานส่อแววมีพิรุธ
วันนี้ (6 มี.ค. 56) รายงานข่าวจากจังหวัดเชียงใหม่แจ้งว่า ได้เกิดเหตุเงินสดจำนวน 9 ล้านบาท หายไปจากรถขนเงินหมายเลข K279 หมายเลขทะเบียน ถง 5736 กรุงเทพฯ ของบริษัท กรุงไทยธุรกิจบริการ จำกัด เหตุเกิดที่ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สาขาแม่ริม ตั้งอยู่ที่ ต.ริมใต้ อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่
โดยรถขนเงินคันดังซึ่งบรรทุกเงินสดจำนวน 27 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินสดถุงละ 3 ล้านบาท จำนวน 9 ถุง ได้เดินทางออกจากธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สาขาข่วงสิงห์ ต.ช้างเผือก อ.เมือง จ.เชียงใหม่ เมื่อเวลาประมาณ 07.00 ของวันนี้ โดยเพื่อจะนำเงินสดไปส่งมอบให้กับธนาคารกรุงไทยสาขาต่างๆ ในหลายพื้นที่ โดยมุ่งหน้าไปยังธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สาขาแม่ริมเป็นลำดับแรก อย่างไรก็ตามเมื่อจะนำเงินส่งมอบให้กับธนาคาร เจ้าหน้าที่ได้ตรวจพบว่ามีเงินหายไปจำนวน 3 ถุง รวมเป็นเงิน 9 ล้านบาท จึงได้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มาตรวจสอบ
รายงานข่าวแจ้งว่า พนักงานประจำรถคันดังกล่าวซึ่งมีจำนวนทั้งสิ้น 3 คน ได้ลำเลียงเงินสดขึ้นรถที่ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สาขาข่วงสิงห์ในช่วงเช้า ก่อนจะเดินทางไปยังธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สาขาแม่ริมเป็นแห่งแรก แต่เมื่อไปถึงยังไม่ถึงเวลาเปิดทำการของธนาคาร เจ้าหน้าที่ทั้ง 3 รายจึงจอดรถไว้ที่บริเวณชั้นล่างของธนาคารและออกไปหาอาหารรับประทาน หลังจากนั้นเมื่อรับประทานอาหารเสร็จแล้วได้กลับมาเปิดรถเพื่อจะนำเงินส่งมอบให้กับธนาคารกรุงไทยสาขาแม่ริม แต่กลับพบว่าเงินส่วนหนึ่งได้หายไป จึงได้เข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ
รายงานข่าวเพิ่มเติมแจ้งว่า จากการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด ทั้งจากที่ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สาขาข่วงสิงห์ และธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สาขาแม่ริม โดยในเบื้องต้นพบว่าในระหว่างการขนเงินขึ้นรถที่สาขาข่วงสิงห์นั้น มีถุงบรรจุเงินรวมทั้งสิ้น 9 ถุงที่ถูกลำเลียงขึ้นรถ แต่เมื่อไปถึงสาขาแม่ริมภายในรถกลับเหลือถุงเงินเพียง 6 ถุง ดังนั้นเหตุดังกล่าวจึงไม่น่าเกิดจากการนำเงินขึ้นบรรทุกบนรถผิดคันหรือลืมนำเงินขึ้นรถ นอกจากนี้ จากการตรวจสอบผ่านระบบ GPS ที่ติดตั้งอยู่กับตัวรถ พบว่ามีการเปิดท้ายรถซึ่งเป็นส่วนที่เก็บเงินเพียงสองครั้ง คือที่สาขาข่วงสิงห์และสาขาแม่ริม โดยไม่ได้มีการเปิดท้ายรถที่จุดอื่นๆ แต่อย่างใด
ขณะที่การเปิดท้ายรถโดยบุคคลอื่นนั้น จากการสอบถามพนักงานของบริษัทได้ข้อมูลว่าไม่น่าเป็นไปได้ เนื่องจากจะต้องใช้กุญแจ 3 ดอกที่ถือโดยหัวหน้าชุดและพนักงานอีก 2 คนในการเปิดท้ายรถและเปิดเซฟเพื่อนำเงินออกมา โดยหัวหน้าชุดและพนักงานที่จะเดินทางไปกับรถในแต่ละวันนั้นจะไม่ทราบล่วงหน้าว่าใครจะถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มเดียวกันบ้าง ขณะที่บุคคลอื่นก็ไม่น่าจะมีกุญแจที่จะสามารถเปิดท้ายรถได้ หรือหากจะมีความเป็นไปได้ก็คือในกรณีที่พนักงานลืมหรือไม่ได้ปิดท้ายรถซึ่งก็ไม่น่าเป็นไปได้เช่นกัน
ทั้งนี้ รายงานข่าวล่าสุดแจ้งว่า ในช่วงค่ำวันนี้ พล.ต.ท.ชำนาญ รวดเร็ว รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 พร้อมด้วย พ.ต.อ.วีระวุฒิ เนียมน้อย รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่และคณะ ได้เดินทางไปที่สถานีตำรวจภูธรแม่ริมซึ่งเป็นพื้นที่เกิดเหตุ โดยได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการตรวจสอบและเก็บลายนิ้วมือแฝงบนรถขนเงินคันดังกล่าวแล้ว รวมทั้งได้นำตัวพนักงานประจำรถขนเงินทั้ง 3 มาสอบปากคำว่ามีความเกี่ยวข้องกับเหตุเงินหายที่เกิดขึ้นหรือไม่แล้ว โดยในเบื้องต้นพบว่าพนักงานทั้ง 3 รายให้การวกวนและมีพิรุธ อีกทั้งยังพบว่าพนักงานเลือกจอดรถในจุดที่กล้องวงจรปิดไม่สามารถมองเห็นได้อีกด้วย