ชาวแปดริ้วยืนยันคัดค้านการก่อสร้างโรงไฟฟ้ากัลฟ์ให้ถึงที่สุด

ระยอง - ชาวแปดริ้วนับร้อยแห่มาฟังคำพิพากษาศาลปกครองระยอง หลังแกนนำชาวบ้านยื่นฟ้อง อบต.คลองนครเนื่องเขต ออกใบอนุญาตสร้างอาคารโรงไฟฟ้ากัลฟ์ไม่ถูกต้อง โดยศาลพิจารณาให้บริษัทขออนุญาตให้ถูกต้องตามขั้นก่อน ด้านชาวบ้านเตรียมอุทธรณ์ คัดค้านการออกใบอนุญาตถึงที่สุด

วันนี้ (20 ก.พ.) ที่ศาลปกครองระยอง ห้องพิจารณาที่ 1 นายวชิระ ชอบแต่ง ตุลาการเจ้าของสำนวนศาลปกครองระยอง นั่งบัลลังก์พิจารณาไต่สวนคดีหมายเลขดำที่ ส.5, ส.6/54 และ ส.6/55 กรณีนางมหาธยา ศรอากาศ แกนนำชาวบ้าน ต.ท่าไข่ ต.คลองนครเนื่องเขต ต.วังตะเคียน ต.หนามแดง และ ต.บางเตย อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา ยื่นฟ้ององค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) คลองนครเนื่องเขต อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา กรมโรงงานอุตสาหกรรม สำนักงานนโยบายและแผนสิ่งแวดล้อม (สผ.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ว่า กระบวนการก่อสร้างโรงไฟฟ้านครเนื่องเขตไม่ถูกต้อง โดยชาวบ้านไม่มีส่วนร่วม และให้ อบต.คลองนครเนื่องเขต ออกคำสั่งรื้อถอนอาคารโรงไฟฟ้า โดยมีชาวบ้านกว่า 100 คน เดินทางมาให้กำลังใจ

นายวิชระ กล่าวว่า ศาลได้พิจารณาคำฟ้อง คำให้การ และพยานหลักฐานต่างๆ ในสำนวนคดีแล้ว เห็นว่า คำขอให้เพิกถอนใบรับแจ้งการก่อสร้างอาคารโรงไฟฟ้านั้น เนื่องจากคดีนี้ บริษัทกัลฟ์ เจพี เอ็นเอ็นเค จำกัด ได้ขออนุญาตก่อสร้างโดยใช้วิธีการแจ้งตามมาตรา 39 ทวิ แห่ง พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่า ผู้แจ้งได้ยื่นเอกสารและข้อมูลต่างๆ ครบถ้วน โดยการแยกแจ้งการก่อสร้างเป็น 15 ฉบับ และได้เสียค่าธรรมเนียมเรียบร้อยแล้ว และไม่มีเหตุขัดข้องตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 การที่นายก อบต.คลองนครเนื่องเขต ในฐานะเจ้าพนักงานท้องถิ่นได้ออกใบรับแจ้งให้ก่อสร้างอาคารโรงไฟฟ้า จึงเป็นการออกใบรับแจ้งที่ชอบด้วยกฎหมายแล้ว

ส่วนคำขอให้ศาลสั่งให้นายก อบต.คลองนครเนื่องเขต ออกคำสั่งรื้อถอนอาคารโรงไฟฟ้านั้น ศาลเห็นว่านายก อบต.คลองนครเนื่องเขต เป็นหน่วยงานทางปกครอง และเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องดำเนินการกับอาคารโรงไฟฟ้าตามมาตรา 40 มาตรา 41 มาตรา 42 และมาตรา 43 แห่ง พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 โดยทันที ทั้งๆ ที่ยังเป็นกรณีที่แก้ไขได้ จึงไม่เป็นไปตามหลักในการบริหารจัดการบ้านเมืองที่ดี จึงสมควรให้บริษัทกัลฟ์ เจพี เอ็นเอ็นเค จำกัด ขออนุญาตประกอบกิจการโรงงานต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อน ต่อเมื่อหน่วยงานดังกล่าวไม่อนุญาต จึงให้นายก อบต.คลองนครเนื่องเขต ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อไป

นายวชิระ กล่าวว่า ศาลได้มีคำพิพากษาให้นายก อบต.คลองนครเนื่องเขต แจ้งให้บริษัท กัลฟ์ เจพี เอ็นเอ็นเค จำกัด ขออนุญาตประกอบกิจการโรงงานภายใน 30 วัน และหลังจากนั้น หากบริษัทไม่ได้รับอนุญาตให้ประกอบกิจการโรงงาน ก็ให้นายก อบต.คลองนครเนื่องเขต ดำเนินการตามมาตรา 40, 41, 42 และ 43 แห่ง พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 ภายใน 180 วัน นับแต่วันที่คดีถึงที่สุด ส่วนคำขออื่นให้ยก และโดยที่คำพิพากษาดังกล่าวเป็นคำพิพากษาของศาลปกครอง ซึ่งเป็นศาลปกครองชั้นต้น คู่กรณีประสงค์ที่คัดค้านคำพิพากษาดังกล่าว สามารถยื่นอุทธรณ์ได้ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้มีคำพิพากษา

ขณะที่ นายมานัส สุนทรโชติ แกนนำชาวบ้านกล่าวว่า ถือว่าคำพิพากษาเป็นกลาง แต่ตนเองมองว่าน่าจะยกเลิก หรือรื้อถอนการก่อสร้างโรงไฟฟ้า เนื่องจากพื้นที่ตรงนั้น กระทรวงอุตสาหกรรมได้ประกาศเป็นพื้นที่สร้างโรงงานประเภทอิเล็กทรอนิกส์ หรือคลังสินค้าประเภทอิเล็กทรอนิกส์เท่านั้น ส่วนการที่จะสร้างโรงไฟฟ้าถือเป็นโรงงานจำพวกที่ 3 ไม่สามารถสร้างได้ ซึ่งตนและชาวบ้านจะอุทธรณ์เพื่อคัดค้านการออกใบอนุญาตของกระทรวงอุตสาหกรรมให้แก่โรงไฟฟ้าอย่างถึงที่สุด