“ผบ.ตร.” รุดตรวจฝึกแผนเผชิญเหตุ “ก่อการร้ายสากล” ที่โคราช

ศูนย์ข่าวนครราชสีมา- “พล.ต.อ.อดุลย์” รุดตรวจการฝึกแผนเผชิญเหตุแก้ปัญหาการก่อการร้ายสากลที่โคราช ยันไม่พบการเคลื่อนไหวของกลุ่มก่อการร้ายในภาคเหนือ แต่ตำรวจไม่ประมาทเตรียมพร้อมเข้มงวดตลอดเวลา ย้ำปัญหาสร้างสถานีตำรวจไม่เสร็จต้องรอสัญญาครบก่อน ระบุปัญหากับ DSI จบแล้ว เมื่อออกขอโทษก็ให้อภัย

วันนี้ (14 ก.พ.) เมื่อเวลา 15.00 น.ที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรภาค 3 กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 อ.เมือง จ.นครราชสีมา พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) พร้อมคณะ เดินทางมาตรวจเยี่ยมศูนย์เฝ้าฟังและทดสอบความพร้อมศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรภาค 3 จากนั้นได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมกำลังพลที่ทำการฝึกทดสอบแผนเผชิญเหตุการณ์แก้ไขปัญหาการก่อการร้ายสากล ในพื้นที่ จ.นครราชสีมา ที่กองอำนวยการฝึก อาคารสุรพัฒน์ 2 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี (มทส.) อ.เมือง จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นการฝึกร่วม 4 เหล่าทัพ เพื่อทบทวนเพิ่มเติมความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการฝึกแก้ไขปัญหาในภาวะวิกฤต และทบทวนด้านยุทธวิธีการแก้ไขปัญหาการก่อการร้ายสากล โดยไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนติดตามไปทำข่าวบันทึกภาพแต่อย่างใด

พล.ต.อ.อุดลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.เปิดเผยว่า จากการข่าวล่าสุด ยังไม่พบการเคลื่อนไหวเรื่องการก่อการร้ายในพื้นที่ภาคเหนือแต่อย่างใด และคิดว่าไม่มีอะไรที่น่าเป็นห่วงในตอนนี้ อย่างไรก็ตามตำรวจต้องเตรียมความพร้อมอย่างเข้มงวด และมีการฝึกตรวจสอบระบบเพื่อให้มีความพร้อมอยู่ตลอดเวลาด้วย

ส่วนปัญหาการก่อสร้างอาคารที่ทำการสถานีตำรวจ (ทดแทน) จำนวน 396 แห่ง ทั่วประเทศ นั้น พล.ต.อ.อดุลย์ กล่าวว่า ยังมีการขับเคลื่อนอยู่ทุกภาค โดยในวันพรุ่งนี้ (15 ก.พ.) ได้เชิญผู้บัญชาการ (ผบช.) และรอง ผบช.ภาค 1-9 และ ผู้บังคับการอำนวยการภาค 1-9 รวมทั้งหัวหน้าสถานีตำรวจทั้ง 396 แห่ง มามอบนโยบายการบริหาร ให้สามารถทำงานกันต่อไปได้ โดย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) มีงบประมาณส่วนหนึ่งจำนวน 41 ล้านบาทเตรียมไว้สำหรับการช่วยเหลือ สถานีตำรวจที่ได้รับผลกระทบ โดยโรงพักที่ถูกรื้อทั้งหมดจะได้รับการช่วยเหลือแห่งละ 3 แสนบาท ส่วนโรงพักที่ยังไม่ถูกรื้อจะช่วยเหลือ 1 แสนบาท

สำหรับการดำเนินงานต่อไปอาจจะต้องให้มีการแข่งขันระหว่างโรงพักในการแก้ไขปัญหาเรื่องการหาผู้รับเหมาก่อสร้างใหม่เข้ามาดำเนินการแต่ละพื้นที่ ส่วนเรื่องสัญญาการก่อสร้างเดิมคงต้องรอให้เป็นไปตามกฎหมาย ซึ่งจะสิ้นสุดสัญญาการก่อสร้างในวันที่ 14 มี.ค. 2556 หากบริษัทผู้รับผิดชอบไม่สามารถส่งงานให้ได้ตามที่กำหนด ทางเราก็มีอำนาจที่จะยกเลิกสัญญาได้ ส่วนการดำเนินการใหม่จะต้องขับเคลื่อนต่อไป

ส่วนกรณีความขัดแย้งกับ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสวนสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอนั้น พล.ต.อ.อดุลย์กล่าวว่า เรื่องจบแล้ว เมื่อออกมาขอโทษก็ให้อภัย ไม่มีปัญหาอะไรต่อกัน ทุกอย่างจบ จากนี้ไปก็ประสานงานกันต่อ