สระบุรี - ผู้ตรวจการแผ่นดินลงพื้นที่จังหวัดสระบุรีสอบ “นายกเล็กพระพุทธบาท” กรณีขัดแย้งชาวบ้านสร้างตึกในที่วัด
เมื่อเวลา 10.30 น.วันนี้ (14 ก.พ.) ณ ห้องประชุมเทศบาลเมืองพระพุทธบาท อ.พระพุทธบาท จ.สระบุรี นายจักริน กระแสมุข และนายขรรค์ชัย สุทธิคะนึง เจ้าหน้าที่ผู้แทนจากสำนักงานตรวจการแผ่นดิน เดินทางลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีชาวบ้านร้องเรียน นายขจรศักดิ์ นันทปัญญา นายกเทศมนตรีเมืองพระพุทธบาท และผู้มีอิทธิพลใช้อำนาจข่มขู่ และไม่อนุญาตให้มีการสร้างตึกแถวทดแทนอาคารตึกแถวเดิมบนเนื้อที่ซึ่งถูกเพลิงไหม้ เมื่อเดือนมีนาคม 2554 ไปที่วุฒิสภา
โดยมี นายขจรศักดิ์ นันทปัญญา นายกเทศมนตรีเมืองพระพุทธบาท พร้อมด้วยส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง และนายเดช กองแก้ว ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนา จังหวัดสระบุรี และนายคทาเพชร ใบอุดม เจ้าหน้าที่จัดผลประโยชน์วัดพระพุทธบาท เข้าร่วมประชุมและชี้แจงรายละเอียดต่างๆ ที่ถูกชาวบ้านร้องเรียนไป
นายขจรศักดิ์ นันทปัญญา นายกเทศมนตรีเมืองพระพุทธบาท ชี้แจงว่า จากเหตุที่ได้เกิดเพลิงไหม้อาคารไม้ และตึกแถวสองชั้น ในเขตพื้นที่หมู่ 7 ถนนมรรคาประสิทธิ์ ต.พระพุทธบาท อ.พระพุทธบาท จ.สระบุรี (เขตเทศบาล) เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2554 จำนวน 23 คูหานั้น พื้นที่บริเวณดังกล่าวเป็นพื้นที่ของวัดพระพุทธบาทให้ประชาชนเช่าปลูกอาคารทำการค้า และพักอาศัย เมื่อเกิดเหตุเพลิงไหม้อาคารได้รับความเสียหาย วัดจึงยังคงอนุญาตให้ผู้เช่าเดิมทำการเช่าที่ต่อแต่ต้องก่อสร้างตัวอาคารเอง โดยมีการยื่นแบบขอนุญาตก่อสร้างต่อเทศบาลฯ เพื่ออนุญาตตามเทศบัญญัติควบคุมอาคารให้ถูกต้องตามกฏหมายต่อไป
และในจำนวนชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบเดือดร้อนจากเหตุเพลิงไหม้ส่วนใหญ่ก็ได้ยื่นแบบขอนุญาติให้ผู้รับเหมาดำเนินการก่อสร้างไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ยังคงเหลืออยู่เพียง 7 รายที่ไม่ได้มายื่นแบบขออนุญาตก่อสร้าง เพราะติดเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนดให้การก่อสร้างอาคารติดกัน จำนวน 10 ห้อง ต้องเว้นช่องให้รถเข้าออกได้ 1 ช่อง ซึ่งเดิมเทศบาลฯ เคยเรียกชาวบ้านที่เดือดร้อนทั้งหมดมาพูดคุยเพื่อกำหนดพื้นที่การก่อสร้างโดยให้ถั่วเฉลี่ยพื้นที่เท่าๆ กัน เพื่อให้เหลือพื้นที่ (เว้นช่อง) ได้ แต่ผู้ร้องทั้ง 7 รายไม่ตกลง โดยนำกรณีเหตุเพลิงไหม้เมื่อปี 2552 มาเปรียบเทียบ (ไม่ต้องเว้นช่อง)
นายกเทศมนตรีเมืองพระพุทธบาท ชี้แจงแนวทางแก้ไขว่า ในเรื่องนี้ นายถาวร พรหมมีชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรีได้สอบถามมายังตนถึงแนวทางแก้ไขปัญหาว่า หากจะให้มีการยกเว้น หรือขอแก้เทศบัญญัติการก่อสร้าง คงต้องยึดแนวทางการก่อสร้างห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ คือ การทำประชาพิจารณ์ ผ่านประชาพิจารณ์แล้ว นำเข้าสภาเทศบาลเพื่อพิจารณาอนุมัติ เสนอต่อผู้ว่าราชการจังหวัด จากนั้นผู้ว่าราชการจังหวัดเสนอต่ออธิบดีกรมโยธา รัฐมนตรีเพื่ออนุมัติต่อไป และเทศบาลฯ ก็ยินดีที่จะเร่งรัดดำเนินการให้เร็วที่สุด
จากนั้นคณะผู้ตรวจการแผ่นดินได้เดินทางต่อไปยังจุดที่เกิดกรณีพิพาท มีชาวบ้าน (ผู้ร้อง) รอยื่นเอกสารหลักฐานร้องเรียนขอรับการช่วยเหลือ ซึ่งนายจักริน กระแสมุข (ผู้แทนผู้ตรวจการแผ่นดิน) ชี้แจ้งต่อชาวบ้านเหล่านั้นว่า ยินดีรับเรื่องราวทั้งหมดเพื่อนำไปยื่นให้ผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้นเพื่อดำเนินการต่อไป
เมื่อเวลา 10.30 น.วันนี้ (14 ก.พ.) ณ ห้องประชุมเทศบาลเมืองพระพุทธบาท อ.พระพุทธบาท จ.สระบุรี นายจักริน กระแสมุข และนายขรรค์ชัย สุทธิคะนึง เจ้าหน้าที่ผู้แทนจากสำนักงานตรวจการแผ่นดิน เดินทางลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีชาวบ้านร้องเรียน นายขจรศักดิ์ นันทปัญญา นายกเทศมนตรีเมืองพระพุทธบาท และผู้มีอิทธิพลใช้อำนาจข่มขู่ และไม่อนุญาตให้มีการสร้างตึกแถวทดแทนอาคารตึกแถวเดิมบนเนื้อที่ซึ่งถูกเพลิงไหม้ เมื่อเดือนมีนาคม 2554 ไปที่วุฒิสภา
โดยมี นายขจรศักดิ์ นันทปัญญา นายกเทศมนตรีเมืองพระพุทธบาท พร้อมด้วยส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง และนายเดช กองแก้ว ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนา จังหวัดสระบุรี และนายคทาเพชร ใบอุดม เจ้าหน้าที่จัดผลประโยชน์วัดพระพุทธบาท เข้าร่วมประชุมและชี้แจงรายละเอียดต่างๆ ที่ถูกชาวบ้านร้องเรียนไป
นายขจรศักดิ์ นันทปัญญา นายกเทศมนตรีเมืองพระพุทธบาท ชี้แจงว่า จากเหตุที่ได้เกิดเพลิงไหม้อาคารไม้ และตึกแถวสองชั้น ในเขตพื้นที่หมู่ 7 ถนนมรรคาประสิทธิ์ ต.พระพุทธบาท อ.พระพุทธบาท จ.สระบุรี (เขตเทศบาล) เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2554 จำนวน 23 คูหานั้น พื้นที่บริเวณดังกล่าวเป็นพื้นที่ของวัดพระพุทธบาทให้ประชาชนเช่าปลูกอาคารทำการค้า และพักอาศัย เมื่อเกิดเหตุเพลิงไหม้อาคารได้รับความเสียหาย วัดจึงยังคงอนุญาตให้ผู้เช่าเดิมทำการเช่าที่ต่อแต่ต้องก่อสร้างตัวอาคารเอง โดยมีการยื่นแบบขอนุญาตก่อสร้างต่อเทศบาลฯ เพื่ออนุญาตตามเทศบัญญัติควบคุมอาคารให้ถูกต้องตามกฏหมายต่อไป
และในจำนวนชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบเดือดร้อนจากเหตุเพลิงไหม้ส่วนใหญ่ก็ได้ยื่นแบบขอนุญาติให้ผู้รับเหมาดำเนินการก่อสร้างไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ยังคงเหลืออยู่เพียง 7 รายที่ไม่ได้มายื่นแบบขออนุญาตก่อสร้าง เพราะติดเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนดให้การก่อสร้างอาคารติดกัน จำนวน 10 ห้อง ต้องเว้นช่องให้รถเข้าออกได้ 1 ช่อง ซึ่งเดิมเทศบาลฯ เคยเรียกชาวบ้านที่เดือดร้อนทั้งหมดมาพูดคุยเพื่อกำหนดพื้นที่การก่อสร้างโดยให้ถั่วเฉลี่ยพื้นที่เท่าๆ กัน เพื่อให้เหลือพื้นที่ (เว้นช่อง) ได้ แต่ผู้ร้องทั้ง 7 รายไม่ตกลง โดยนำกรณีเหตุเพลิงไหม้เมื่อปี 2552 มาเปรียบเทียบ (ไม่ต้องเว้นช่อง)
นายกเทศมนตรีเมืองพระพุทธบาท ชี้แจงแนวทางแก้ไขว่า ในเรื่องนี้ นายถาวร พรหมมีชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรีได้สอบถามมายังตนถึงแนวทางแก้ไขปัญหาว่า หากจะให้มีการยกเว้น หรือขอแก้เทศบัญญัติการก่อสร้าง คงต้องยึดแนวทางการก่อสร้างห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ คือ การทำประชาพิจารณ์ ผ่านประชาพิจารณ์แล้ว นำเข้าสภาเทศบาลเพื่อพิจารณาอนุมัติ เสนอต่อผู้ว่าราชการจังหวัด จากนั้นผู้ว่าราชการจังหวัดเสนอต่ออธิบดีกรมโยธา รัฐมนตรีเพื่ออนุมัติต่อไป และเทศบาลฯ ก็ยินดีที่จะเร่งรัดดำเนินการให้เร็วที่สุด
จากนั้นคณะผู้ตรวจการแผ่นดินได้เดินทางต่อไปยังจุดที่เกิดกรณีพิพาท มีชาวบ้าน (ผู้ร้อง) รอยื่นเอกสารหลักฐานร้องเรียนขอรับการช่วยเหลือ ซึ่งนายจักริน กระแสมุข (ผู้แทนผู้ตรวจการแผ่นดิน) ชี้แจ้งต่อชาวบ้านเหล่านั้นว่า ยินดีรับเรื่องราวทั้งหมดเพื่อนำไปยื่นให้ผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้นเพื่อดำเนินการต่อไป
