xs
xsm
sm
md
lg

คนงานร้านประดับยนต์ ซิ่งกระบะลูกค้าหนีตำรวจชนยับ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


กาญจนบุรี - คนงานร้านประดับยนต์ ขับกระบะ ฟอร์ด 4 ประตูไปส่งลูกค้าเป็นนายตำรวจ หลังลูกค้านำมาติดฟิล์มกรองแสงที่ร้าน เมื่อขับรถไฟติดไฟแดงพบตำรวจจราจรเรียกตรวจเหตุไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน เกิดตกใจกลัวเพราะมีอาวุธปืนของนายตำรวจอยู่ในรถด้วย หวั่นโดนจับมีความผิด ตัดสินใจเร่งเครื่องหลบหนีเข้าซอยแคบ ชนรถจักรยานยนต์ สามล้อพังยับ โดนรวบทันควัน

เมื่อเวลา 12.30 น.วันนี้ (8 ก.พ.) ศูนย์วิทยุ สภ.เมืองกาญจนบุรี ได้รับการประสานทางวิทยุสื่อสารจาก ด.ต.กิตติสิทธิ์ เจริญทอง และ ด.ต.จิรายุ หมื่นรักษ์ ผู้บังคับ (ผบ.) หมู่งานจราจร สภ.เมืองกาญจนบุรี ว่า มีวัยรุ่นขับรถยนต์กระบะยี่ห้อฟอร์ด 4 ประตู รุ่นบีที 50 สีบอรนซ์ สภาพใหม่ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนทั้งหน้า และหลัง หลบหนีการตรวจค้นของเจ้าหน้าที่บริเวณ 4 แยกไฟแดงอู่ทอง มุ่งหน้าตามถนนแสงชูโต

จากนั้น พ.ต.อ.พงษกร อุปพงษ์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธร (ผกก.สภ.) เมืองกาญจนบุรี ได้วิทยุสังการด้วยตนเองให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกหน่วยช่วยกันติดตามจับกุมตัวด้วยความระมัดระวังเนื่องจากสงสัยว่าคนร้ายอาจจะมีสิ่งผิดกฎหมาย และอาวุธปืน รวมทั้งได้สั่งการให้ พ.ต.ท.สุชาย เทศัชบุตร สารวัตรป้องกันและปราบปราม (สวป.) พ.ต.ต.พิเชษฐ์พงศ์ แจ้งค้ายคม สารวัตรป้องกันและปราบปราม (สวป.) และเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ และตำรวจจราจรแบ่งกำลังสกัดจับคนร้ายทุกเส้นทาง โดยมี ด.ต.กิตติสิทธิ์ และ ด.ต.จิรายุ ขับรถจักรยานยนต์ติดตามไปอย่างกระชั้นชิด พร้อมทั้งวิทยุรายงานเส้นทางการหลบหนีให้ศูนย์วิทยุ สภ.เมืองกาญจนบุรีให้ทราบทุกระยะ

โดยคนร้ายได้ขับรถยนต์หลบหนีเข้าไปในซอยวิทยาลัยอาชีวะ จากนั้นเลี้ยวขวาไปที่ถนนบวร ซึ่งจุดดังกล่าวเป็นถนนขนาดเล็กมีรถยนต์รถจักรยานยนต์วิ่งไปมาเป็นจำนวนมาก เนื่องจากวันนี้เป็นวันจ่ายเทศกาลตรุษจีน ด้วยความเร็วของรถยนต์ทำให้คนขับเบรกรถอย่างกะทันหันจนเสียหลักพุ่งชนรถจักรยานยนต์ที่จอดอยู่ข้างทางขวามือ และไปชนกับรถสามล้อไฟฟ้าที่เป็นเหล็กทั้งคันจนพังเสียหาย

นอกจากนั้น รถยนต์กระบะคันดังกล่าวยังเสียหลักพุ่งไปชนกับถังขยะข้างทางจนกระจายก่อนที่จะพุ่งเข้าไปชนกับศาลาร้านอาหารเบิร์ดเดย์ซีฟูด จนทำให้ผนังปูนที่ใช้สำหรับโชว์อาหารทะเลพังเสียหาย ส่วนรถยนต์กระบะคันดังกล่าวไม่สามารถวิ่งต่อไปได้ คนร้ายจึงทิ้งขวางถนนเอาไว้ แล้ววิ่งหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว แต่อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรทั้งสองนายที่ติดตามมาสามารถจับตัววัยรุ่นคนดังกล่าวได้ในที่สุด จากนั้นจึงคุมตัวมาสอบสวนที่บริเวณจุดเกิดเหตุ ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะทำการตรวจค้นภายในรถยนต์คันดังกล่าว ทราบชื่อต่อมาคือ นายพงษ์ศักดิ์ ดวงแก้ว อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 102/1 หมู่ 1 ต.ท่ามะขาม อ.เมือง จ.กาญจนบุรี

จากการตรวจค้นภายในรถยนต์ เจ้าหน้าที่พบอาวุธปืนสั้นยี่ห้อ ซิกซาวเออร์ ขนาด 380 พร้อมเครื่องกระสุนปืนอยู่ในรังเพลิง 6 นัด เจ้าหน้าที่จึงยึดเอาไว้เป็นของกลางเพื่อนำไปตรวจสอบว่ามีทะเบียนหรือไม่ แต่ไม่พบสิ่งผิดกฎหมายประเภทยาเสพติดแต่อย่างใด นอกจากนั้น ภายในรถยนต์กระบะคันดังกล่าวยังพบเสื้อสีกากีแขนยาว ซึ่งเป็นเสื้อของนายตำรวจ ยศ พ.ต.ท.แขวนอยู่บริเวณที่มือจับประตูหลังซ้าย 1 ตัว และวางทับอยู่เบาะพิงคนขับอีก 1 ตัว เสื้อทั้ง 2 ตัว ระบุชื่อ พ.ต.ท.พิทักษ์ วาฤทธิ์ เป็นตำรวจตระเวนชายแดน ไม่ทราบสังกัด และเป็นเจ้าของรถยนต์คันดังกล่าว

ต่อมา มี น.ส.สมใจ ดวงเป้า อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 7/1 หมู่ 10 ต.บางขันหมาก อ.เมือง จ.ลพบุรี ซึ่งเป็นเพื่อนสาวนายตำรวจเจ้าของรถยนต์เดินทางมายังที่เกิดเหตุ หลังจากเห็นสภาพรถยนต์ถึงกับหน้าซีดแทบเป็นลม ชาวบ้านที่กำลังมุงดูเหตุการณ์จึงได้ช่วยกันพยุงไปนั่งในร่ม พร้อมพัดตัวให้เย็นอยู่ตลอดเวลา แต่ น.ส.สมใจ ไม่ได้ให้รายละเอียดแต่อย่างใด

ทั้งนี้ นายพงษ์ศักดิ์ ให้การว่า ตนทำงานอยู่ที่ร้านประดับยนต์แห่งหนึ่ง ก่อนที่ตนจะขับรถยนต์หลบหนีเจ้าหน้าที่ตำรวจในครั้งนี้ เนื่องจากมีลูกค้าเป็นนายตำรวจนายหนึ่งได้นำรถยนต์มาติดฟิล์มกรองแสงที่ร้าน หลังจากตกลงราคากันได้ นายตำรวจจึงให้ตนขับรถไปส่งที่ตลาดเทศบาล แต่นายตำรวจไม่ได้นำปืนที่วางอยู่บริเวณเบาะหน้าไปด้วย ซึ่งตนก็ถาม แต่นายตำรวจบอกว่าไม่เป็นไร จากนั้นตนก็ขับรถยนต์กลับมาที่ร้านเพื่อจะนำรถยนต์ไปติดฟิล์ม ขณะขับรถยนต์กลับประกฎว่า รถเกิดติดไฟแดงอยู่ที่บริเวณ 4 แยกไฟแดงอู่ทอง จากนั้นตำรวจจราจรที่อยู่จุดตรวจเดินมาที่ตน ด้วยความกลัวและตกใจเนื่องจากภายในรถมีอาวุธปืนตนจึงตัดสินใจขับรถหลบหนีจนกระทั่งมาถูกจับ

ด้าน พ.ต.อ.พงษกร อุปพงษ์ ผกก.สภ.เมืองกาญจนบุรี กล่าวว่า ขณะที่ตำรวจกำลังไล่ล่าเพื่อสกัดจับผู้ต้องหาได้ขับรถยนต์หลบหนีอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งรถยนต์เสียหลักพุ่งชนทรัพย์ของประชาชนเสียหายเป็นจำนวนมาก ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังสอบสวนว่า เหตุใดถึงหลบหนี ส่วนอาวุธปืน รวมทั้งเสื้อเครื่องแบบของนายตำรวจที่อยู่ภายในรถยนต์ จะประสานเพื่อให้มาพบเจ้าหน้าที่เพื่อสอบสวนหาข้อเท็จจริง ส่วนประชาชนผู้ที่ได้รับความเสียหายสามารถไปแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดต่อไป







กำลังโหลดความคิดเห็น