บชน.แถลงสรุปสถานการณ์ความรุนแรง-คนร้ายลอบบึ้มวังสวนผักกาด

รอง ผบช.น.แถลงสรุปสถานการร์ความรุนแรงตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมามีเหตุหลายที่ เริ่มต้นที่บริเวณหน้าวังสวนผักกาด คนร้ายลอบปาระเบิด-การ์ดกร่างจะเข้าทำร้ายช่างภาพเนชั่น-เกิดเหตุระเบิดที่สวนลุมพินี

เมื่อเวลา 10.00 น.วันนี้ (17 ม.ค.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.อดุลย์ ณรงค์ศักดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) แถลงสถานการณ์การชุมนุมของวันที่ 16-17 ม.ค. 57 ดังนี้

เมื่อเวลาประมาณ 22.00 น.วันที่ 16 ม.ค.ที่ผ่านมา ได้เกิดเสียงดังคล้ายระเบิดขึ้นที่พิพิธภัณฑ์วังสวนผักกาด เลขที่ 352-354 ถนนศรีอยุธยา แขวงถนนพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร ซึ่งกรณีดังกล่าวตามวันเวลาเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยซึ่งประจำอยู่ที่พิพิธภัณฑ์วังสวนผักกาด ได้ยินเสียงคล้ายระเบิดอยู่บริเวณลานจอดรถภายในพิพิธภัณฑ์จึงเดินไปตรวจสอบพบว่าบริเวณพื้นปูนซีเมนต์ลานจอดรถเกิดเป็นรอยหลุมกว้างประมาณ 12 ซม. ลึกประมาณ 4 ซม. และมีรถยนต์ทะเบียน 2 ศค 3023 กรุงเทพมหานคร ซึ่งจอดอยู่บริเวณนั้นได้รับความเสียหายกระจกแตก และรั้วไม้ของลานจอดรถได้รับความเสียหาย จึงแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พญาไททราบ

พล.ต.ต.อดุลย์กล่าวต่อว่า ภายหลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พญาไท พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จากกองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) และหน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิด ได้เข้าไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ จากการสอบสวนพยานต่างๆ ในที่เกิดเหตุและจากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดเบื้องต้นทราบว่า มีชายไม่ทราบชื่อจำนวน 2 คน ขับขี่จักรยานยนต์แบบผู้หญิง ไม่ทราบยี่ห้อ รุ่น ทะเบียน มาตามถนนศรีอยุธยา จากด้านแยกมักกะสันมุ่งหน้าแยกพญาไท ในช่องทางคู่ขนาน เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุได้หยุดรถ จากนั้นคนนั่งซ้อนท้ายซึ่งสวมหมวกกันน็อก ใส่เสื้อแจ็กเกตสีเข้มแขนยาว ลงจากรถมายืนบนเกาะกลางถนนแล้วขว้างวัตถุคล้ายระเบิดเข้าไปบริเวณที่เกิดเหตุแล้วหลบหนีไปทางแยกพญาไท แต่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด เบื้องต้น สน.พญาไท ได้รับคำร้องทุกข์ดำเนินคดีในข้อหากระทำให้เกิดระเบิดจนน่าจะเป็นอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์สินของผู้อื่นไว้เรียบร้อยแล้ว

พล.ต.ต.อดุลย์กล่าวต่อว่า เมื่อเวลาประมาณ 18.00 น.ของวันที่ 16 ม.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่นายฐานิส สุดโต อายุ 37 ปี ซึ่งเป็นช่างภาพศูนย์ข่าวเนชั่น ได้เข้าไปถ่ายรูปที่บริเวณเวทีลุมพินี หลังจากนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ปราศรัยเสร็จ และเดินออกไปจากเต็นท์สื่อมวลชน ได้มีการ์ดของผู้ชุมนุมเข้ามาล็อกคอ และกระชากปลอกแขนสื่อมวลชนสีเขียวออก และพานายฐานิสเข้าไปที่กลุ่มผู้ชุมนุม โดยระหว่างที่ถูกพาตัวเข้าไปนายฐานิสได้แจ้งกับชายดังกล่าวว่าตนเป็นสื่อมวลชนเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ แต่ชายดังกล่าวไม่สนใจและพยายามจะเข้ามาทำร้าย ต่อมาได้มีเจ้าหน้าที่ของกลุ่มผู้ชุมนุมบริเวณดังกล่าวเข้ามาช่วยเหลือ และนำส่งเต็นท์ของสื่อมวลชน เบื้องต้นนายฐานิสได้แจ้งความลงบันทึกประจำวัน ไว้ที่ สน.ลุมพินีไว้เรียบร้อยแล้ว

พล.ต.ต.อดุลย์กล่าวต่อว่า เมื่อเวลาประมาณ 21.00 น.ของวันที่ 16 ม.ค.ที่ผ่านมา ได้เกิดเหตุระเบิดขึ้นที่บริเวณจุดชุมนุมของกลุ่ม กปปส.ที่บริเวณสวนลุมพินี โดยจุดเกิดเหตุอยู่ที่โคนต้นไม้ ข้างประตูทางเข้าสวนลุมพินี ฝั่งแยกสะพานไทย-เบลเยียม เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ลุมพินี จึงได้ไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ เบื้องต้นพบเศษต้นไม้กระจัดกระจาย โดยมีการ์ด กปปส.ยืนอยู่ในที่เกิดเหตุจำนวน 4 คน เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบถามได้ความว่า ขณะเกิดเหตุเห็นมีชายสองคนขับขี่จักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ สีดำ ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน ใส่เสื้อเกราะกันกระสุน สวมหมวกไหมพรมปิดใบหน้า ขับขี่มาจากถนนสาทร และเมื่อมาถึงที่เกิดเหตุได้ขว้างวัตถุ จนเกิดเสียงดัง แล้วหลบหนีไปทางถนนวิทยุ จากเหตุการณ์ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด ซึ่ง สน.ลุมพินี ได้รับแจ้งเหตุไว้เรียบร้อยแล้ว

“เมื่อเวลา 01.30 น.ของวันนี้ (17 ม.ค.) สน.นางเลิ้ง ได้รับแจ้งเหตุ มีเหตุปาประทัดยักษ์ใส่อาคารองค์การสหประชาชาติ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เข้าไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบความเสียหายคือ กระจก ที่ทำการองค์การสหประชาชาติเสียหายจำนวน 4 บ้าน และพบลูกปรายจำนวน 4 เม็ด อยู่หน้าอาคารที่ทำการองค์การสหประชาชาติ แต่ไม่พบสะเก็ดของประทัดยักษ์แต่อย่างใด ขณะนี้อยู่ระหว่างเจ้าหน้าที่จากกองพิสูจน์หลักฐานและหน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิด กำลังเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุต่อไป” พล.ต.ต.อดุลย์กล่าว

พล.ต.ต.อดุลย์กล่าวต่อว่า เมื่อเวลาประมาณ 03.45 น.ของวันนี้ (17 ม.ค.) ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.มักกะสัน ได้ตั้งจุดตรวจความมั่นคงที่บริเวณ หน้าที่ทำการพรรคเพื่อไทย ได้ขอทำการตรวจค้นรถยนต์หมายเลขทะเบียน วข 74 กรุงเทพฯ ซึ่งมีนายอัฏฐพร อังศุภัทร์ อายุ 26 ปี เป็นผู้ขับขี่ ผลการตรวจค้นพบอาวุธปืนยี่ห้อซิกซาวเออร์ จำนวน 1 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุนปืน จึงได้นำตัวนายอัฎฐพรนำส่งพนักงานสอบสวน เบื้องต้นได้แจ้งข้อหามีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย และพกพาอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไปในเมืองฯโดยไม่ได้รับอนุญาต ไว้เรียบร้อยแล้ว