xs
xsm
sm
md
lg

“สุมล” จวก “ปลอด” ไม่เห็นด้วยกับชื่อไทยแลนด์เวสเทิร์น คอมเพลกซ์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

 สุมล สุตะวิริยะวัฒน์
เพชรบุรี - “สุมล สุตะวิริยะวัฒน์” ประธานคณะอนุกรรมาธิการคณะอนุกรรมาธิการทรัพยากรป่าไม้ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช จวก “ปลอดประสพ” ไม่เห็นด้วยกับชื่อไทยแลนด์ เวสเทิร์น คอมเพลกซ์ เพราะทำให้คำว่า “แก่งกระจาน” นั้นหายไปจากระบบของมรดกโลก

หลังจากที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบการเสนอพื้นที่กลุ่มป่าแก่งกระจาน เพื่อขอขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลกทางธรรมชาติ ต่อศูนย์มรดกโลก กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งเป็นการดำเนินการตามพันธกรณีในอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลกและตามแนวทางการอนุวัตตามอนุสัญญาคุ้มครองฯ ซึ่งก่อให้เกิดสิทธิและหน้าที่ตามกฎหมายระหว่างประเทศ โดยมีเหตุผลการเสนอขึ้นทะเบียนเนื่องจากพื้นที่ป่าแก่งกระจานเป็นศูนย์รวมความหลากหลายทางชีวภาพแห่งหนึ่งในเอเชีย มีสัตว์ป่าคุ้มครองหายากหลากหลายชนิด เช่น ไก่ฟ้าหน้าเขียว ค่างดำ ปากป่าจุดขาว ฯลฯ มีการปรากฏของพืชเฉพาะถิ่นหายาก เช่น จำปีเพชร จำปีดอย ที่สามารถพบได้ในผืนป่าแก่งกระจานเท่านั้น อีกทั้งยังเป็นแหล่งสำคัญของสัตว์ป่าใกล้สูญพันธุ์ เช่น จระเข้น้ำจืดอีกด้วย ซึ่งได้รับการประกาศให้เป็นมรดกแห่งอาเซียนเมื่อปี 2546 พร้อมทั้งมีการตั้งชื่อจากแก่งกระจาน ฟอเรสต์ คอมเพลกซ์ (Keng Krachan Fores Complex) เป็น ไทยแลนด์ เวสเทิร์น คอมเพลกซ์ (Thailand Western Complex)

โดยการลงความเห็นมติ ครม.ในครั้งนี้ น.ส.สุมล สุตะวิริยะวัฒน์ ประธานคณะอนุกรรมาธิการคณะอนุกรรมาธิการทรัพยากรป่าไม้ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ในคณะกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่า การที่ ครม.มีมติเมื่อวันที่ 29 ม.ค.ที่ผ่านมา ว่าจะนำแก่งกระจานขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกนั้นไม่เห็นด้วย เพราะแก่งกระจานจังหวัดเพชรบุรี ได้รับการยกย่องให้เป็นผืนป่าที่มีความอุดมสมบูรณ์ และมีผืนป่าที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยที่มีพื้นที่เกือบ 2 ล้านไร่ และยังมีการเชื่อมต่อแบบคอริดอร์ คือ เทือกเขาผนวกไปถึงยังราชบุรี ซึ่งตรงนี้เห็นด้วยอย่างยิ่งที่ได้ถูกให้เป็นมรดกของเอเซียไปแล้วด้วยซ้ำ แต่ในเมื่อ ครม.มีมติให้แก่งกระจานขึ้นเป็นมรดกโลกในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2556 ก็เห็นด้วย แต่สิ่งที่ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งก็คือ ที่นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกรัฐมนตรี ที่แจ้งไปที่ประชุม ครม.ว่าให้เปลี่ยนชื่อเรียกที่เขามีการคิดไว้แล้วว่าการขึ้นแก่งกระจานเป็นมรดกโลกนั้นให้ชื่อว่าแก่งกระจาน ฟอเรสต์ คอมเพลกซ์ (Keng Krachan Fores Complex) ปรากฏว่านายปลอดประสพให้คณะรัฐมนตรีลงมติให้เปลี่ยนเป็นไทยแลนด์ เวสเทิร์น คอมเพลกซ์ (Thailand Western Complex) ซึ่งไม่เห็นด้วยเพราะคำว่าแก่งกระจานหายไป มันกลายเป็นผืนป่าตะวันตกของประเทศไทย ซึ่งไม่ว่าที่ไหนๆ ด้วยความเป็นชื่อของแก่งกระจานนั้นก็จะหายไปจากสารบบของมรดกโลก เพราะอย่างทุ่งใหญ่นเรศวร พื้นที่ชุ่มน้ำเขาก็ยังเป็นชื่อของตัวเอง ซึ่งไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งกับที่ ครม.ไปเห็นด้วยกับนายปลอดประสพ ที่ไปเปลี่ยนชื่อเพราะไม่มีคำว่าแก่งกระจาน จึงต้องการเรียกร้องรัฐบาลที่จะเอาแก่งกระจานไปขึ้นเป็นมรดกโลกแล้วก็เปลี่ยนชื่อขึ้นใหม่ ซึ่งคิดว่าชื่อเดิมที่ตั้งไว้นั้นดีอยู่แล้ว

“ซึ่งการคิดเปลี่ยนชื่อครั้งนี้ถามหัวอกหัวใจของคนที่เป็นพื้นที่บ้างไหม ถามคนทั้งประเทศ ถามนักอนุรักษ์ และถามความคิดเห็นของประชาชนทั้งประเทศเขาหรือยัง แล้วจู่ๆ มีนายปลอดประสพเพียงคนเดียวที่ทำให้เปลี่ยนแปลงไปเช่นนี้” น.ส.สุมลกล่าวในที่สุด

ด้านนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน เปิดเผยว่า ในส่วนหนึ่งก็ภูมิใจที่ได้เราปกป้องทรัพยากรของคนทั้งชาติเอาไว้ได้ ในส่วนหนึ่งยังมีความเป็นห่วงของเกษตรกรก็จะมีภัยคุกคามเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะฉะนั้นต้องหมายถึงว่า ขั้นตอนการเป็นมรดกโลกเขาก็จะพิจารณาเรื่องภัยคุกคามอยู่ ซึ่งไม่ใช่ว่าเราจะได้เลย เพราะฉะนั้นในเรื่องของภัยคุกคาม ถ้าพูดถึงยังมีเกิดขึ้นอยู่ต่อเนื่อง ในการพิจารณาในเรื่องของ มรดกโลกเขาก็จะนำไปพิจารณาว่าจะได้หรือไม่ได้

เรื่องนี้จริงๆ ไม่มีใครเห็นด้วยอยู่แล้ว เราเองเราก็ผืนป่าตะวันตกมันมีชื่อของมันอยู่ แต่ผืนป่าตะวันตกของประเทศไทยไม่ใช่ของแก่งกระจานอย่างเดียว ซึ่งรวมไปหลายจังหวัดที่ยาวเหยียดเลย ซึ่งผืนป่าตะวันตกของประเทศไทย ไม่สามารถชี้ได้เลยว่าเป็นผืนป่าแก่งกระจาน ซึ่งจะเอาเวสเทิร์นมารวมทั้งหมดมันไม่ได้ มันไม่ใช่ ซึ่งมันไม่ใช่อยู่แล้วเราก็ไม่เห็นด้วย ในเรื่องของที่จะไปเปลี่ยนชื่อ เพราะใน google มันก็ไม่มี คำว่าผืนป่าตะวันตก ถ้าจะบอกว่าเปลี่ยนชื่อเพื่อจะให้สากลเขารู้จักแก่งกระจานมันมีชื่อเดียวที่เขารับรู้กัน ในเรื่องนี้ตนเห็นด้วยที่จะต้องออกมาพูดกันว่า ผืนป่าแก่งกระจาน เปลี่ยนชื่อเป็น ไทยแลนด์ เวสเทิร์น คอมเพลกซ์ (Thailand Western Complex) มันไม่ใช่ ใช้ไม่ได้ เพราะมันไม่ถูกต้องอยู่แล้ว

โดยแนวการทำงานที่เป็นมรดกโลกนั้น งานก็คงต้องหนักเหมือนเดิมเพราะเราต้องดูแลคุ้มครอง ปกป้องผืนป่าอยู่แล้ว แต่ในส่วนที่ว่าถ้าประกาศเป็นมรดกโลก เราเองอาจจะได้ก็คือการบริหารจัดการมันน่าจะมีรูปแบบที่ดีกว่านี้ หมายความว่าในเรื่องของการตรวจตราเขาอาจจะมีฮอร์มาให้เขาก็อาจจะช่วยดูแลให้ ซึ่งเราก็ไม่ได้หวังอยู่แล้วที่เขาจะเอามาให้ แต่ในเรื่องการวางแผน เขาคงมีการตรวจตราที่ดีกว่านี้ ไม่ใช่ปล่อยให้เราทำเดินเท้า ซึ่งมันคงไม่ใช่อย่างนี้ คือทางเจ้าหน้าที่คงไม่มีปัญหา กับข้าราชการที่จะให้เป็นมรดกโลกก็พร้อมที่จะเห็นป่านี้เป็นมรดกของโลก ซึ่งทุกคนก็คงเห็นด้วย แต่ด้วยทั้งนี้ทั้งนั้น หมายถึงว่าความพร้อม พวกเราคงพร้อมอยู่เสมออยู่แล้ว เพราะว่าป่าเป็นสิ่งที่เรารัก ในส่วนของเรื่องมรดกโลกเราก็อยากจะเห็นการมีส่วนร่วมมันน่าจะมีมากขึ้น
ชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร





กำลังโหลดความคิดเห็น