ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - กองทัพภาคที่ 3 แถลงแผนปฏิบัติการควบคุมไฟป่า หมอกควันพี้นที่ 9 จังหวัดภาคเหนือ พร้อมปล่อยแถวรณรงค์งดเผา เผยตั้งกองบัญชาการเฉพาะกิจรับหน้าที่ดูแล-แบ่งงานให้ 8 หน่วยรับผิดชอบ 9 จังหวัด แม่ทัพน้อยแจงเตรียมพร้อมทั้งกำลังพล-เครื่องมือ พร้อมทำงาน-สนับสนุนทันทีหากร้องขอ
วันนี้ (23 ม.ค.) พล.ท.ปรีชา จันทร์โอชา แม่ทัพน้อยที่ 3 และผู้บัญชาการกองบัญชาการเฉพาะกิจควบคุมไฟป่าและหมอกควัน กองทัพภาคที่ 3 เป็นประธานในการประชุมและแถลงแผนปฏิบัติการควบคุมไฟป่าและหมอกควัน กองทัพภาคที่ 3 ประจำปี 2556 ณ ห้องประชุมศูนย์ข่าวยาเสพติดกองทัพภาคที่ 3 กองพันพัฒนาที่ 3 อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ โดยมีเจ้าหน้าที่ทหารและข้าราชการจากหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม
การประชุมในครั้งนี้เป็นการหารือร่วมกันระหว่างกองทัพภาคที่ 3 และหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน ซึ่งกองทัพภาคที่ 3 โดยกองบัญชาการเฉพาะกิจควบคุมไฟป่าและหมอกควันมีหน้าที่ดูแลรับผิดชอบในเรื่องดังกล่าวในพื้นที่ 9 จังหวัดภาคเหนือตามนโยบายของผู้บัญชาการทหารบก โดยในที่ประชุมได้มีการหารือถึงความรับผิดชอบและแผนการทำงานของหน่วยงานต่างๆ และการให้การสนับสนุนของกองทัพต่อการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันตามนโยบายของรัฐบาล
พล.ท.ปรีชากล่าวภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมว่า ผู้บัญชาการทหารบกได้สั่งการให้หน่วยทหารในพื้นที่เร่งดำเนินการควบคุมปัญหาไฟป่าและหมอกควันให้เกิดน้อยที่สุด โดยกองทัพภาคที่ 3 ได้แบ่งให้หน่วยงานต่างๆ ในสังกัดกองทัพภาคที่ 3 ดูแลรับผิดชอบพื้นที่ 9 จังหวัด ประกอบด้วย กองพลทหารราบที่ 7 รับผิดชอบพื้นที่ จ.ลำพูน และแม่ฮ่องสอน มณฑลทหารบกที่ 32 รับผิดชอบพื้นที่ จ.ลำปาง มณฑลทหารบกที่ 33 รับผิดชอบพื้นที่ จ.เชียงใหม่ จังหวัดทหารบกเชียงรายรับผิดชอบพื้นที่ จ.เชียงราย จังหวัดทหารบกพะเยารับผิดชอบพื้นที่ จ.พะเยา จังหวัดทหารบก จ.น่าน รับผิดชอบพื้นที่ จ.น่าน จังหวัดทหารบกตากรับผิดชอบพื้นที่ จ.ตาก และกองพันทหารม้าที่ 12 รับผิดชอบพื้นที่ จ.แพร่
ขณะที่แผนการในการปฏิบัติงานนั้น พล.ท.ปรีชากล่าวว่า จะมีการแบ่งขั้นตอนการปฏิบัติงานออกเป็น 3 ขั้นตอน ประกอบด้วย 1. ขั้นเตรียมการ ได้แก่การจัดตั้งกองบัญชาการเฉพาะกิจควบคุมไฟป่าและหมอกควัน กองทัพภาคที่ 3 การร่วมกับหน่วยงานอื่นๆ จัดตั้งชุดปฏิบัติการควบคุมไฟป่าและหมอกควัน การซักซ้อมการดับไฟป่า และการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้ทราบ 2. ขั้นปฏิบัติการ ได้แก่การดำเนินการลาดตระเวนเฝ้าระวัง ดำเนินการป้องกันปราบปรามผู้กระทำผิด และการดำเนินการดับไฟป่าร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเมื่อได้รับการประสานหรือร้องขอ และ 3. ขั้นตอนการประชาสัมพันธ์และสร้างจิตสำนึกให้แก่ประชาชน ได้แก่การรณรงค์ให้ประชาชนเกิดจิตสำนึก และงดเว้นการจุดไฟเผาป่า
พล.ท.ปรีชาระบุว่า ปัญหาไฟป่าและหมอกควันถือเป็นปัญหาสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนจำนวนมาก และเป็นปัญหาที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถทรงห่วงใย ขณะที่รัฐบาลก็ได้มีมาตรการแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยกำหนดห้ามเผาในช่วง 80 วันอันตราย ตั้งแต่วันที่ 21 ม.ค.-10 เม.ย. ซึ่งกองบัญชาการเฉพาะกิจควบคุมไฟป่าและหมอกควัน กองทัพภาคที่ 3 จะมีการเตรียมความพร้อมในส่วนของกำลังพลและเครื่องมือต่างๆ เพื่อให้การสนับสนุนหน่วยงานต่างๆ ในการแก้ไขปัญหาหากได้รับคำสั่งหรือการร้องขอ รวมทั้งร่วมกับหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องในการปฏิบัติงานในทุกระดับเพื่อป้องกันไม่ให้ปัญหาดังกล่าวลุกลามรุนแรงและส่งผลกระทบต่อประชาชน อย่างไรก็ตาม เรื่องดังกล่าวจะต้องขอความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนในพื้นที่ด้วย เพราะหากประชาชนยังคงทำการเผาเป็นจำนวนมาก สถานการณ์ไฟป่าและหมอกควันในพื้นที่ก็ยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น
ทั้งนี้ ในช่วงบ่ายวันเดียวกัน แม่ทัพน้อยที่ 3 เป็นประธานในการปล่อยแถวการรณรงค์แก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน “ป้องภัยไฟป่า ด้วยพระบารมี” ซึ่งประกอบด้วยหน่วยงานทหารในสังกัดกองทัพภาคที่ 3 นักเรียน นักศึกษา และประชาชน เพื่อออกรณรงค์ให้ความรู้แก่ประชาชนในการละเว้นการเผาป่า เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันในพื้นที่ 9 จังหวัดภาคเหนือ โดยในพื้นที่ดังกล่าวได้มีการสาธิตการผสานกำลังของหน่วยงานต่างๆ เพื่อปฏิบัติการดับไฟป่าในกรณีที่เกิดเหตุไฟป่าขึ้นในพื้นที่อีกด้วย