“ธรรมยาตรา” รณรงค์ใช้อนุสัญญาโตเกียว-ย้ำอนุสัญญาฝรั่งเศสทำไทยแพ้เขมร

ศรีสะเกษ - กลุ่มธรรมยาตราฯ เดินเท้ารณรงค์เรียกร้องใช้อนุสัญญาโตเกียว ค.ศ. 1941 แก้ปัญหากรณีเขาพระวิหารในตัวเมือง อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ย้ำหากยังขืนใช้อนุสัญญาสยาม-ฝรั่งเศส ค.ศ. 1904 และ ค.ศ. 1907 ไปต่อสู้ในศาลโลกคดีปราสาทพระวิหารยิ่งตอกย้ำความพ่ายแพ้แก่เขมร

วันนี้ (17 ม.ค.) เมื่อเวลา 17.00 น.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณข้างศาลหลักเมืองกันทรลักษ์ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ นายสมาน ศรีงาม แกนนำกลุ่มธรรมยาตรา กอบกู้แผ่นดินไทยกรณีเขาพระวิหาร และมณฑลบูรพา ได้นำสมาชิกกลุ่มธรรมยาตราฯ เดินเท้าพร้อมรถไถนาเดินตาม ติดป้ายข้อความว่า “อนุสัญญาโตเกียว ค.ศ. 1941 และชาวไทยไม่ยอมรับอำนาจศาลโลก” ตระเวนไปตามถนนทุกสายในเขตตัวเมือง อ.กันทรลักษ์ เพื่อรณรงค์สร้างความเข้าใจและแจกจ่ายใบปลิวเกี่ยวกับอนุสัญญาโตเกียว ค.ศ. 1941 แก่ประชาชนชาว อ.กันทรลักษ์ได้รับทราบ

พร้อมกันนี้ นายสมานได้ใช้โทรโข่งประกาศให้ชาว อ.กันทรลักษ์ได้รับทราบถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาเขาพระวิหาร ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยใช้อนุสัญญาโตเกียว ค.ศ. 1941 จะทำให้ประเทศไทยไม่สูญเสียแผ่นดินไทยบริเวณเขาพระวิหารให้กัมพูชา ซึ่งได้รับความสนใจจากประชาชนชาว อ.กันทรลักษ์พอสมควร

นายสมาน ศรีงาม แกนนำกลุ่มธรรมยาตราฯ กล่าวว่า ขณะนี้ไทยเรายังใช้อนุสัญญาสยาม-ฝรั่งเศส ค.ศ. 1904 และ ค.ศ. 1907 ที่ตนถือว่าเป็นโฆษะไปแล้ว เนื่องจากนายปรีดี พนมยงค์ ไม่ได้ขอสัตยาบันต่อรัฐสภาไทยทำให้ไม่มีผลบังคับใช้ เพราะขั้นตอนตามกฎหมายไทยไม่สมบูรณ์

ดังนั้นจึงได้ออกมารณรงค์เชิญชวนให้ประชาชนชาว อ.กันทรลักษ์ได้เข้าใจถึงอนุสัญญาโตเกียว ค.ศ. 1941 ว่ามีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องนำเอามาใช้ในการแก้ไขปัญหาเขาพระวิหาร โดยรัฐบาลไทยจะต้องยื่นฟ้องต่อศาลโลกเพื่อขอให้นำเอาอนุสัญญาโตเกียวมาใช้บังคับ

ทั้งนี้ เนื่องจากหากขืนใช้อนุสัญญาสยาม-ฝรั่งเศสในการต่อสู้ที่ศาลโลกก็ยิ่งทำให้เป็นการตอกย้ำความพ่ายแพ้ในศาลโลกเช่นปี 2505 ซึ่งเรารู้กันดีอยู่แล้วว่าจะต้องนำเอาอนุสัญญาโตเกียวไปต่อสู้ในศาลโลกจึงจะทำให้ไทยชนะคดีกรณีปราสาทพระวิหารที่ศาลโลกกำลังจะมีการพิจารณาในเร็วๆ นี้

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ขณะเดียวกัน สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่บริเวณจุดผ่านแดนถาวรไทย-กัมพูชา ช่องสะงำ ต.ไพรพัฒนา อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ ยังคงปกติ มีประชาชน นักท่องเที่ยวชาวไทย-กัมพูชา และชาวต่างชาติข้ามไปมาหาสู่กัน ซึ่งการค้าและการท่องเที่ยวยังคงคึกคักแม้จะมีการเคลื่อนไหวของกลุ่มธรรมยาตราฯ อยู่ในขณะนี้ก็ตาม