พระนครศรีอยุธยา - กองทุนเสริมสร้างการประกันภัยพิบัติ เล็งประกันภัยนาข้าวชาวกรุงเก่าในอัตราเบี้ยประกันภัย 120 บาทต่อพื้นที่ 1 ไร่ เพื่อป้องกันความเสี่ยงความเสียหายจากภัยธรรมชาติ น้ำท่วม ภัยแล้ง
เมื่อเวลา 10.30 น.วันนี้ (17 ม.ค.) ที่ ต.พุทเลา อ.บางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา น.ส.วิมล ชาตะมีนา เลขานุการคณะกรรมการบริหารกองทุนส่งเสริมการประกันภัย พร้อมด้วยนายเกศโกมล ไพรทวีพงศ์ ผู้อำนวยการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร นายถนัด จีรชัยไพศาล ผู้อำนวยการบริหารสมาคมประกันวินาศภัยไทย ได้เดินทางมาเพื่อให้ความรู้ข้อมูลการทำประกันภัยพิบัติแก่เกษตรกรชาวนาในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
น.ส.วิมล กล่าวว่า จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นจังหวัดหนึ่งที่มีการทำนาจำนวนมากทั้งนาปี และนาปรัง และพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยาก็เป็นพื้นที่ลุ่มที่เสี่ยงต่อการเกิดภัยทางธรรมชาติมาก คือ น้ำท่วมเกือบทุกปี เมื่อน้ำท่วมเกษตรกรพื้นที่ที่เกษตรกรทำนาก็ถูกน้ำท่วมก็ได้รับความเสียหาย หลายคนที่กู้หนี้ยืมสินมาลงทุนทำนาก็ไม่สามารถชดใช้หนี้ที่ยืมมาได้ต้องเสียดอกเบี้ยในราคาแพงแล้วต้องเป็นหนี้นอกระบบ เมื่อน้ำลดก็ต้องกู้หนีใหม่มาลงทุนอีก
ทางกองทุนส่งเสริมการประกันภัย จึงอยากให้เกษตรกรมีทางออกทางเลือก โดยให้เกษตรกรได้ทำประกันภัยไว้เพื่อป้องกันความเสี่ยงต่อการเกิดภัยทางธรรมชาติ ซึ่งทางกองทุนส่งเสริมการประกันภัย ได้แบ่งประเภทการประกันภัยไว้ 3 ประเภท คือ น้ำท่วม แผ่นดินไหว พายุ
สำหรับเกษตรกรสามารถทำประกันภัยเพื่อป้องกันความเสี่ยงได้ในอัตราเบี้ยประกันภัย 120 บาทต่อพื้นที่ 1 ไร่ แต่แค่ครึ่งเดียวคือ จ่ายแค่ 60 บาทต่อ 1 ไร่ ที่เหลือรัฐจะเป็นคนช่วยจ่ายให้ และรับความคุ้มครอง 1,111 บาทต่อ 1 ไร่ ซึ่งเมื่อก่อนบริษัทประกันภัยไม่รวมถึงภัยที่เกิดจากแมลง หรือศัตรูพืช แต่เดี่ยวนี้ยินดีชดใช้ให้เนื่องจากเป็นความเสียหาย และเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรอีกด้วย
น.ส.สมควร วงเดือน อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 8/3 ม.2 ต.ตานิน อ.บางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นเกษตรกรทำนากล่าวว่า ตนเช่าที่ทำนาไว้ จำนวน 60 ไร่ และได้ทำประกันไว้ 20 ไร่ จ่ายเบี้ยประกันภัยแค่ 50 บาทต่อ 1 ไร่ จ่ายเบี้ย 1,000 บาทต่อปี เมื่อตอนน้ำท่วมปี 2554 น้ำได้ท่วมที่นาที่ตนเช่าทำเสียหายทั้งหมด แต่ยังดีที่ได้ทำประกันไว้อยู่ ทางบริษัทประกันภัยจึงจ่ายค่าสินไหมทดแทนค่าเสียหายให้มา 28,000 บาท ถือว่าเป็นสิ่งดีที่การประกันภัยให้แก่เกษตรกร เป็นการช่วยเหลือเกษตรกรเพื่อป้องกันความเสี่ยงอีกทางเลือกหนึ่ง
