ศูนย์ข่าวศรีราชา - ชาวบ้านท้ายวัง เมืองตราด รวมตัวยื่นหนังสือยังอุตสาหกรรมจังหวัดตราดให้เร่งแก้ปัญหาโรงอบยางปล่อยน้ำเสียลงบ่อบำบัดใกล้เขตชุมชน ส่งกลิ่นเหม็น กระทบความเป็นอยู่ของชาวบ้าน
วันนี้ (7 ม.ค.) ชาวบ้านหมู่ 6 บ้านท้ายวัง ต.วังกระแจะ อ.เมือง จ.ตราด จำนวน 13 คน นำโดย นางรัตนา เพชรมาก อายุ 68 ปี อยู่บ้านเลขที่ 104 หมู่ 6 บ้านท้ายวัง นายทวี เงาแย อายุ 58 ปี อยู่ล้านเลขที่ 17 หมู่ 6 บ้านท้ายวัง เดินทางมาพบนายทรงวุมิ โชติมา อุตสาหกรรมจังหวัดตราดที่สำนักงานฯ
พร้อมยื่นหนังสือร้องเรียนถึงปัญหาโรงอบยางแผ่นของกลุ่มสัจจะพัฒนายางบ้านท้ายวัง ปล่อยน้ำเสียลงบ่อบำบัดใกล้บ้านเรือนประชาชน ส่งกลิ่นเหม็นฉุนมาก โดยเฉพาะในช่วงเช้า- เย็น และเวลากลางคืน ทำให้ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนมานานกว่า 7 เดือนแล้ว โดยไม่มีการดำเนินการแก้ไขจากโรงอบยาง รวมทั้งสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดตราดที่เคยเดินทางมาพบครั้งหนึ่งแล้วเมื่อ 5 เดือนที่ผ่านมา
หลังจากนายทรงวุฒิ โชติมา ได้รับหนังสือแล้วได้ขอคำชี้แจงจากผู้เดือดร้อนที่ได้รับผลกระทบเพิ่มเติม แล้วนายทรงวุฒิรับว่าจะเดินทางไปตรวจสอบข้อเท็จจริง แต่ทางสำนักงานฯ ไม่มีอำนาจดูแลเนื่องจากโรงอบยางอยู่ภายใต้การบริหารของกลุ่มสัจจะฯ ที่ไม่ได้มีการจดทะเบียนรับรองตามกฎหมายเหมือนสหกรณ์ หรือห้างหุ้นส่วนจำกัด แต่จะใช้การเจรจาในเบื้องต้นก่อน เพื่อให้ผู้บริหารโรงอบยางแก้ไขปัญหาให้ชาวบ้าน เพื่อขอให้มีการแก้ไขเพื่อยุติความเดือดร้อน
นางรัตนา กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ที่หมู่บ้านไม่มีปัญหาเรื่องกลิ่นเพราะปริมาณยางพาราที่ผลิตยังไม่มาก แต่กรรมการกลุ่มสัจจะฯ ได้นำยางจากตำบลอื่นมาดำเนินการกว่าวันละ 20 ตัน ทำให้เกิดน้ำเสียในกระบวนการทำยางแผ่นที่เพิ่มมากขึ้น และต้องปล่อยทิ้งในบ่อเก็บ ซึ่งในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา น้ำเสียสะสมมากขึ้นจึนส่งกลิ่นเหม็นไปทั่วหมู่บ้าน วันใดที่ไม่มีลม ก็จะทำให้กลิ่นตลบอยู่ในหมู่บ้านซึ่งเหม็นจนทนไม่ได้ ขณะที่ลูกสาวที่ป่วยเป็นโรคภูมิแพ้ก็ได้รับผลกระทบทำให้ผิวหนังกลายเป็นโรคคล้ายสะเก็ดเงิน เป็นแผลล่อนออกมาเต็มทั้งตัวยกเว้นใบหน้า มือและเท้าเท่านั้นที่ไม่เป็น
ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่บ้านท้ายวัง และได้พบกับ นางอุษมา เพชรมาก อายุ 46 ปี ที่ป่วย และนอนรักษาตัวอยู่ที่บ้านได้เปิดให้ดูแผลตามร่างกาย พบว่าสะเก็ตตามผิวหนังบางส่วนลอกออกมาจนเห็นหนังแดง ก่อนนางอุษมา จะเล่าว่า เป็นโรคภูมิแพ้มาตั้งแต่เด็ก และรักษาจนหาย มาป่วยอีกครั้งตอนอายุ 17 ปี ซึ่งมีอาการแพ้ทุกอย่างต้องรักษากับนายแพทย์ปรีดา โมทนาจิต แพทย์ผิวหนัง รพ.ตราด จนหาย และมาเป็นอีกครั้งตอนอายุ 35 ปี รักษาอยู่เกือบปีก็หาย กลับประกอบอาชีพได้
จนกระทั่งเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2555 ก็เริ่มเป็นอีก และรุนแรง มีสะเก็ดขึ้นตามตัวทั้งหมด มีอาการทรมานมากเพราะจะเป็นไข้ด้วย จึงไปพบแพทย์อีกครั้ง จึงเล่าให้แพทย์ฟังว่าที่หน้าบ้านมีบ่อบำบัดน้ำเสียของโรงงานยางพารา ส่งกลิ่นเหม็นฉุนมากโดยเฉพาะเวลากลางคืน ซึ่งหมอเองก็สันนิษฐานว่า กลิ่นเหล่านั้นมีผลต่อการเป็นโรคภูมิแพ้ 70-80%
ซึ่งทางที่ดีต้องไม่สูดกลิ่น หรือควรจะย้ายไปอยู่กับญาติสักพักเพื่อไม่ให้ได้รับผลกระทบ แต่ตนเองมีบุตรที่ต้องดูแลจึงไปไหนไม่ได้ และดูแลรักษาตัวเองอยู่ทุกวัน โดยใช้บัตร 30 บาท อย่างไรก็ตาม อยากจะหายขาดจากโรคนี้ แต่ต้องใช้เงินมาก ซึ่งมีเงินไม่มากนัก เพราะต้องเก็บเงินไว้ให้ลูกได้เรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัยในปีนี้ อยากให้แก้ปัญหาน้ำเสียให้ก็จะเป็นการช่วยเหลือได้อย่างดี