กาญจนบุรี - นอภ.สังขละบุรี กาญจนบุรี เผยแรงงานพม่าในพื้นที่มีถึง 4-5 พันคน ส่วนค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาทต่อวัน จะมีผลกระทบหรือไม่ต้องรอดูสถานการณ์ช่วงกลางเดือน ด้านผู้ประกอบการโรงงานน้ำแข็งโอด ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาทยังไม่พอ ยังจะต้องมารับภาระค่าไฟเพิ่มอีก
เมื่อเวลา 12.30 น.วันนี้ (3 ม.ค.) นายวิสาห์ พูลศิริรัตน์ นายอำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี เปิดเผยว่า อำเภอสังขละบุรี มีแรงงานชาวพม่าที่ข้ามเข้ามาทำงานในพื้นที่ประมาณ 4,000 ถึง 5,000 คน ส่วนใหญ่จะเป็นคนงานตามโรงงานที่มีอยู่ตามแนวชายแดนบ้านพระเจดีย์สามองค์ หมู่ 9 ต.หนองลู อ.สังขละบุรี ซึ่งการทำงานจะเป็นแบบมาเช้าเย็นกลับ
“ส่วนเรื่องค่าแรง 300 บาทที่รัฐบาลประกาศให้มีผลทั่วประเทศ ครอบคลุมถึงแรงงานชาวพม่าจะมีปัญหาหรือไม่นั้น เท่าที่ได้พูดคุยกับผู้ประกอบการเจ้าของโรงงานทราบว่า ขณะนี้ยังไม่มีปัญหาเรื่องค่าแรงแต่อย่างใด บางโรงงานจ่ายค่าแรงตามชิ้นส่วนของงานที่คนงานสามารถผลิตได้ โดยเฉพาะโรงงานผลิตรองเท้า คนงานบางรายสามารถผลิตงานได้ผลตอบแทนมากกว่า 300 บาทก็มีมาก แต่บางรายที่ยังทำงานไม่เป็นก็จะจ่ายแค่แรงตามอายุการทำงาน เช่นวันละ 120 บาท 150 บาท และ 170 บาท
แต่อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการโรงงานก็ยังนิ่งนอนใจไม่ได้ เนื่องจากจะต้องเฝ้ารอดูว่าช่วงกลางเดือนมกราคมนี้ แรงงานชาวพม่าจะมีปฏิกิริยาหรือไม่ เพราะโรงงานทุกโรงงานที่มีอยู่จะจ่ายค่าแรงให้กับคนงานทุกๆ 15 วัน ซึ่งวันที่ 15 มกราคมเป็นวันครบกำหนดที่โรงงานจะต้องจ่ายค่าแรงให้แก่คนงานงวดแรก ซึ่งจะต้องเฝ้ารอดูว่าในวันดังกล่าวจะมีการเคลื่อนไหวหรือไม่”
ด้านนายธีรชัย ชุติมันต์ อดีตประธานหอการค้าจังหวัดกาญจนบุรี เจ้าของ และผู้จัดการโรงงานผลิตน้ำแข็ง และน้ำดื่มรายใหญ่ในพื้นที่อำเภอเมืองกาญจนบุรี เปิดเผยว่า จากนโยบายรัฐบาลที่ประกาศขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท ซึ่งขณะนี้มีผลแล้วทั่วประเทศ โดยโรงงานของตนมีคนงานประมาณ 100 คน ครอบคลุมหลายสาขาที่มีอยู่ ผลกระทบจากการประกาศค่าแรง 300 บาทต่อวัน
“ผมเชื่อว่าหลายโรงงาน หรือหลายบริษัทที่มีอยู่ในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี ต่างต้องได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน ซึ่งการประกาศดังกล่าวเป็นการทำให้ต้นทุนค่าแรงสูงขึ้น สิ่งที่ตามมาก็คือ ทำให้ต้นทุนการผลิตสินค้าเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว นอกจากปัญหาค่าแรงที่บริษัทต่างๆ ต้องรับผิดชอบแล้ว อีกหนึ่งปัญหาที่ตามมา ซึ่งถือว่าเป็นภาระที่หนักเอาการที่เราต้องรับผิดชอบก็คือ ปัญหาการขึ้นค่าไฟฟ้า บริษัทของผมเป็นบริษัทผลิตน้ำแข็ง และน้ำดื่ม ซึ่งจะต้องทำการผลิตตลอด 24 ชั่วโมง จะต้องมารับภาระปัญหาการขึ้นค่าไฟอีก ดังนั้น อนาคตข้างหน้าก็จำเป็นต้องขึ้นราคาสินค้าอย่างแน่นอน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อประชาชนโดยตรง อีกทั้งสวัสดิการต่างๆ ที่คนงานเคยได้รับเราจำเป็นจะต้องตัดออก โดยเฉพาะช่วงเทศกาลตรุษจีนที่กำลังจะมาถึง” นายธีรชัยกล่าว
เมื่อเวลา 12.30 น.วันนี้ (3 ม.ค.) นายวิสาห์ พูลศิริรัตน์ นายอำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี เปิดเผยว่า อำเภอสังขละบุรี มีแรงงานชาวพม่าที่ข้ามเข้ามาทำงานในพื้นที่ประมาณ 4,000 ถึง 5,000 คน ส่วนใหญ่จะเป็นคนงานตามโรงงานที่มีอยู่ตามแนวชายแดนบ้านพระเจดีย์สามองค์ หมู่ 9 ต.หนองลู อ.สังขละบุรี ซึ่งการทำงานจะเป็นแบบมาเช้าเย็นกลับ
“ส่วนเรื่องค่าแรง 300 บาทที่รัฐบาลประกาศให้มีผลทั่วประเทศ ครอบคลุมถึงแรงงานชาวพม่าจะมีปัญหาหรือไม่นั้น เท่าที่ได้พูดคุยกับผู้ประกอบการเจ้าของโรงงานทราบว่า ขณะนี้ยังไม่มีปัญหาเรื่องค่าแรงแต่อย่างใด บางโรงงานจ่ายค่าแรงตามชิ้นส่วนของงานที่คนงานสามารถผลิตได้ โดยเฉพาะโรงงานผลิตรองเท้า คนงานบางรายสามารถผลิตงานได้ผลตอบแทนมากกว่า 300 บาทก็มีมาก แต่บางรายที่ยังทำงานไม่เป็นก็จะจ่ายแค่แรงตามอายุการทำงาน เช่นวันละ 120 บาท 150 บาท และ 170 บาท
แต่อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการโรงงานก็ยังนิ่งนอนใจไม่ได้ เนื่องจากจะต้องเฝ้ารอดูว่าช่วงกลางเดือนมกราคมนี้ แรงงานชาวพม่าจะมีปฏิกิริยาหรือไม่ เพราะโรงงานทุกโรงงานที่มีอยู่จะจ่ายค่าแรงให้กับคนงานทุกๆ 15 วัน ซึ่งวันที่ 15 มกราคมเป็นวันครบกำหนดที่โรงงานจะต้องจ่ายค่าแรงให้แก่คนงานงวดแรก ซึ่งจะต้องเฝ้ารอดูว่าในวันดังกล่าวจะมีการเคลื่อนไหวหรือไม่”
ด้านนายธีรชัย ชุติมันต์ อดีตประธานหอการค้าจังหวัดกาญจนบุรี เจ้าของ และผู้จัดการโรงงานผลิตน้ำแข็ง และน้ำดื่มรายใหญ่ในพื้นที่อำเภอเมืองกาญจนบุรี เปิดเผยว่า จากนโยบายรัฐบาลที่ประกาศขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท ซึ่งขณะนี้มีผลแล้วทั่วประเทศ โดยโรงงานของตนมีคนงานประมาณ 100 คน ครอบคลุมหลายสาขาที่มีอยู่ ผลกระทบจากการประกาศค่าแรง 300 บาทต่อวัน
“ผมเชื่อว่าหลายโรงงาน หรือหลายบริษัทที่มีอยู่ในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี ต่างต้องได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน ซึ่งการประกาศดังกล่าวเป็นการทำให้ต้นทุนค่าแรงสูงขึ้น สิ่งที่ตามมาก็คือ ทำให้ต้นทุนการผลิตสินค้าเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว นอกจากปัญหาค่าแรงที่บริษัทต่างๆ ต้องรับผิดชอบแล้ว อีกหนึ่งปัญหาที่ตามมา ซึ่งถือว่าเป็นภาระที่หนักเอาการที่เราต้องรับผิดชอบก็คือ ปัญหาการขึ้นค่าไฟฟ้า บริษัทของผมเป็นบริษัทผลิตน้ำแข็ง และน้ำดื่ม ซึ่งจะต้องทำการผลิตตลอด 24 ชั่วโมง จะต้องมารับภาระปัญหาการขึ้นค่าไฟอีก ดังนั้น อนาคตข้างหน้าก็จำเป็นต้องขึ้นราคาสินค้าอย่างแน่นอน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อประชาชนโดยตรง อีกทั้งสวัสดิการต่างๆ ที่คนงานเคยได้รับเราจำเป็นจะต้องตัดออก โดยเฉพาะช่วงเทศกาลตรุษจีนที่กำลังจะมาถึง” นายธีรชัยกล่าว