เนื้อวัว-ควายสองแควราคาพุ่ง ชี้เหตุหลักรัฐปล่อยขนออกชายแดนแลกส่วย

พิษณุโลก - เนื้อวัว-ควายในตลาดเมืองสองแควขาดแคลนอย่างหนัก จากที่เคยเชือกขายวันละพันกิโลกรัมขึ้นไป วันนี้มีขายแค่ 200 กิโลกรัม ทำราคาขึ้นไม่หยุด ล่าสุดขายกันที่ 220 บาทแล้ว คาดอนาคตทะลุ 300 บาท หลังรัฐบาลไม่ใส่ใจ ปล่อยขนวัว-ควายเถื่อนออกชายแดนกันเป็นว่าเล่น แลกส่วย 1,250 บาท/ตัว

วันนี้ (23 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.พิษณุโลก ว่าเนื้อวัวและควายที่ตลาดร่วมใจ อ.เมือง พิษณุโลก ยังคงปรับราคาสูงขึ้นต่อเนื่อง จากกิโลกรัมละ 100 บาทเศษในช่วงต้นถึงกลางปี ล่าสุดปรับขึ้นเป็น 220 บาท ทั้งยังมีเริ่มขาดแคลน สร้างความเดือดร้อนแก่แม่ค้าที่ถูกลูกค้าบ่นว่าแพง และร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อสดที่ใส่เพียงเศษเนื้อให้ลูกค้า

นางชุติมา ประทานชัย แม่ค้าตลาดสดร่วมใจเปิดเผยว่า ปริมาณเนื้อวัวชำแหละที่จำหน่ายตามแผงลดน้อยลง จากเดิมที่หมุนเวียนอยู่วันละ 1,000 กิโลกรัม ปัจจุบันพอมีประมาณ 200 กิโลกรัม เรียกได้ว่ขาดแคลน โดยมีวัวหรือควายให้ฆ่าเพียงวันละ 2 ตัวเท่านั้น

นายอนุชา น้อยวงศ์ สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด (ส.อบจ.) พิษณุโลก เขต อ.เนินมะปราง กล่าวว่า สาเหตุที่ราคาเนื้อวัวปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง และมีแนวโน้มที่จะไปยืนอยู่ที่ 300 บาทในอีก 1-2 ปีข้างหน้า เป็นเพราะราคาเนื้อวัวที่ประเทศจีนก็ตกกิโลกรัมละ 350 บาทแล้ว ซึ่งต้องยอมรับว่าเดิมประเทศไทยซื้อวัวและควายจากประเทศพม่า แต่ปัจจุบันเริ่มมีปริมาณน้อยลง ขณะที่ประเทศลาว กัมพูชา เวียดนาม และจีนก็มีคนเลี้ยงวัว-ควายน้อยลง ทำให้ประเทศดังกล่าวกวาดต้อนและซื้อวัว-ควายจากพม่าตามชายแดนไทย-พม่าด้าน อ.แม่สอด จ.ตาก ผ่านทางประเทศไทย ออกไปชายแดนด้าน จ.สระแก้ว ซึ่งปัญหาก็คือพ่อค้าคนไทยไม่เงินทุนพอซื้อวัวและควายที่ราคาสูงขึ้นถึงตัวละ 4-5 หมื่นบาท ปล่อยให้ต่างชาติกว้านซื้อกันต่อเนื่อง เพราะความต้องการของผู้บริโภคในจีนและเวียดนามมีสูง ทำให้เนื้อวัวควายในประเทศไทยขาดแคลน

นายอนุชากล่าวว่า ทุกรัฐบาลไม่เคยสนใจด้านปศุสัตว์ ปล่อยมีการขนวัว-ควายเถื่อนข้ามชายแดน ผิดกับไก่ชนที่ห้ามเด็ดขาดและมีการจับกุม ทราบว่าการหลับหูหลับตาของเจ้าหน้าที่ซึ่งปล่อยให้ขนวัวควายเถื่อนออกชายแดนนั้นเกี่ยวข้องกับเงินใต้โต๊ะถึงตัวละ 1,250 บาท อีกทั้งกรมปศุสัตว์ก็ไม่เคยสนใจพัฒนาฟาร์มวัวและควายในประเทศ เช่น ตนมีสายพันธุ์ควายตัวใหญ่ หรือพญาควาย แต่กรมปศุสัตว์ก็ไม่เคยสนใจ มีเพียงแค่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่สนใจนำน้ำเชื้อไปแพร่พันธุ์ นอกจากนี้ฟาร์มของตนยังมีควายไม่มีเขาแห่งเดียวในโลกนับสิบตัว และควายเผือกที่นับวันจะหายากอยู่ด้วย

“ที่ผ่านมาประเทศไทยเคยมีวัวและควายประมาณ 30 ล้านตัว ซึ่งไม่น่าจะสูญพันธุ์ แต่ปัจจุบันนี้มีเหลือเพียง 300,000 ตัวเท่านั้น วันนี้ผมขอเรียกร้องให้รัฐบาลระงับการส่งออกวัวและควาย หรือหากส่งออกต้องนำระเบียบการส่งออกกลับมาใช้ เพราะการส่งออกนั้นทุกรายต้องทำฟาร์มเท่านั้น ต้องมีพ่อและแม่พันธุ์ เพื่อป้องกันมิให้วัวและควายไทยสูญพันธุ์ หากรัฐบาลเพิกเฉย ก็เท่ากับปล่อยให้ประชาชนบริโภคเนื้อวัวเนื้อควายแบบมีสารเร่งเนื้อแดง มีโอกาสทำให้ฮอร์โมนเพศผิดเพี้ยน เพราะปัจจุบันวัวอายุ 2 ปีเศษก็เชือดกันแล้ว ทั้งที่วัวและควายมีอายุยืนยาวถึง 30 ปี”

นายอนุชากล่าวว่า เมื่อรัฐบาลไม่ส่งเสริมหรือแก้ไขก็คงต้องปล่อยให้ราคาเนื้อวัวแพงต่อเนื่องไป แต่หากส่งเสริมอย่างจริงจังก็จะช่วยลดปัญหาการเผาฟางข้าวจนก่อให้เกิดปัญหาหมอกควันในช่วงฤดูแล้งได้ด้วย เพราะวัวควายจะบริโภคเป็นอาหารหลัก