ชาวนากุ้งกาฬสินธุ์ร้องเขื่อนปล่อยน้ำหลังกุ้งขาดน้ำน็อกตาย

กาฬสินธุ์ - เกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งก้ามกรามใน ต.ลำคลอง อ.เมือง เรียกร้องให้โครงการส่งน้ำและรักษาลำปาวปล่อยน้ำเข้าบ่อเลี้ยงกุ้ง หลังประสบภัยแล้งปริมาณน้ำในบ่อไม่เพียงพอ ส่งผลให้กุ้งเริ่มน็อกตาย

วันนี้ (13 ธ.ค.) ที่ศาลาประชาคมบ้านหนองม่วง หมู่ 10 ต.ลำคลอง อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ ตัวแทนเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งก้ามกรามใน ต.ลำคลอกว่า 50 คนรวมตัวเรียกร้องให้โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำปาว หรือเขื่อนลำปาวปล่อยน้ำเข้าบ่อเลี้ยงกุ้ง เนื่องจากเกษตรกรกว่า 100 รายกำลังประสบปัญหาน้ำในบ่อเลี้ยงกุ้งตื้นเขิน และกำลังแห้งขอด ไม่เพียงพอต่อการเลี้ยงกุ้ง ส่งผลให้กุ้งที่เลี้ยงไว้กำลังน็อกตาย โดยนายประเสริฐ ลือชาธนานนท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ นายสุรทิน ศรีธเรศ ตัวแทนนางบุญรื่น ศรีธเรศ ส.ส.กาฬสินธุ์ เขต 1 และนายมารยาท ศิริขันธ์แสง หัวหน้าฝ่ายส่งน้ำและบำรุงรักษาที่ 4 โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำปาว เข้ารับฟังปัญหา

นายประหยัด มาตรา ตัวแทนเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้ง กล่าวว่า ขณะนี้เกษตรกรบ้านหนองม่วง บ้านอัมพวัน บ้านปลาค้าวน้อย และบ้านหาดทอง ต.ลำคลอง กว่า 100 ราย กำลังเดือดร้อนอย่างหนักเพราะน้ำในบ่อเลี้ยงกุ้งเริ่มตื้นเขิน บางแห่งแห้งขอด ส่งผลให้กุ้งไม่เจริญเติบโต บางรายกุ้งน็อกตายไปแล้วจำนวนมากเนื่องจากไม่มีน้ำเปลี่ยนถ่าย จึงรวมตัวกันร้องขอความช่วยเหลือไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะเขื่อนลำปาว ให้ช่วยส่งน้ำให้เกษตรกรด้วย เพราะหากปล่อยไว้เช่นนี้กุ้งจะตายทั้งหมด ทำให้เกษตรกรเป็นหนี้สินเพราะแต่ละรายต้องกู้เงินมาลงทุนเฉลี่ยรายละ 100,000-300,000 บาท

“ที่ผ่านมาทราบดีว่าปีนี้กาฬสินธุ์ประสบปัญหาภัยแล้ง แต่เกษตรกรไม่มีทางเลือก จำเป็นที่จะต้องเลี้ยงกุ้งต่อไปเพราะไม่มีอาชีพอื่นทำ”

ด้านนายประเสริฐกล่าวว่า จังหวัดได้รับเรื่องไว้แล้ว และจะนำปัญหาเข้าหารือกับผู้ว่าราชการจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อช่วยเหลือเป็นการเร่งด่วน แต่ฝากถึงพี่น้องเกษตรกร โดยเฉพาะผู้เลี้ยงกุ้งก้ามกรามว่าช่วงนี้ควรที่จะหลีกเลี่ยงหรืองดการสั่งลูกกุ้งและเลี้ยงกุ้งไว้ก่อน เนื่องจากปริมาณน้ำในเขื่อนลำปาวเหลืออยู่เพียง 328 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) หรือประมาณ 16.60% จากความจุ 1,980 ล้าน ลบ.ม. จำเป็นต้องสงวนน้ำไว้สำหรับการอุปโภค บริโภค และรักษาระบบนิเวศจนกว่าจะถึงฤดูฝนปีหน้า

นายมารยาทกล่าวว่า สถานการณ์ของเขื่อนลำปาวในปีนี้เข้าขั้นวิกฤต เนื่องจากฝนไม่ตก มีน้ำไหลเข้าเขื่อนน้อยกว่าเกณฑ์ ส่งผลให้ปัจจุบันเขื่อนลำปาวเหลือปริมาณน้ำอยู่เพียง 328 ล้าน ลบ.ม. ใช้การได้เพียง 228 ล้าน ลบ.ม.เท่านั้น ซึ่งที่ผ่านมาทางโครงการได้ประกาศให้เกษตรกรงดปลูกพืชฤดูแล้งทุกชนิด งดทำนาปรัง และงดการทำประมงทุกชนิดแล้ว เนื่องจากต้องกักเก็บน้ำไว้ใช้เพื่อการอุปโภค บริโภค และรักษาระบบนิเวศเป็นหลัก แต่เรื่องความเดือดร้อนของผู้เลี้ยงกุ้งก้ามกรามนั้นจะเสนอไปยังผู้บริหารเพื่อพิจารณาว่าจะสามารถส่งน้ำช่วยเหลือได้หรือไม่