“พ่อคูณ” เริ่มบ่นได้ ใบหน้าสดชื่น ฉันอาหารทางสายยางได้ตามปกติ

ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - อาการอาพาธ “หลวงพ่อคูณ” ดีขึ้นตามลำดับ ไม่มีไข้ เริ่มบ่นได้แล้ว ใบหน้าสดชื่นกว่าทุกวัน พูดคุยได้มากขึ้น เสมหะลดลง สามารถฉันอาหารผ่านสายยางเข้าทางช่องท้องได้ตามปกติ แพทย์ให้นักกายภาพบำบัดเพิ่มท่ากายบริหารเพื่อไม่ให้ข้อติดและกล้ามเนื้อมีแรง ส่วนปอดมีแนวโน้มดีขึ้น อักเสบน้อยลง ยังติดตามภาวะแทรกซ้อนทุกระยะพร้อมประสานกับ รพ.ศิริราชทุกวัน

วันนี้ (11 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าอาการอาพาธของพระเทพวิทยาคม (หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ) เจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ ต.กุดพิมาน อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา ที่พักรักษาอยู่ที่ห้องผู้ป่วยพิเศษ 9821 ชั้น 8 อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ด้วยภาวะปอดอักเสบจากการติดเชื้อแบคทีเรียตั้งแต่วันที่ 29 พ.ย. 2555 ที่ผ่านมา ล่าสุดวันนี้หลวงพ่อคูณมีใบหน้าสดชื่นกว่าทุกวัน อาการโดยรวมดีขึ้นตามลำดับ

นพ.พินิศจัย นาคพันธุ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจและหลอดเลือด โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ซึ่งเป็นแพทย์ประจำตัวหลวงพ่อคูณ เปิดเผยว่า จากการติดตามอาการจนถึงขณะนี้อาการโดยรวมดีขี้นตามลำดับ สิ่งที่เห็นได้ชัดเจนกว่าทุกวันคือ หลวงพ่อมีใบหน้าที่สดใส รู้ตัว รู้เรื่องดี และพูดคุยได้มากขึ้น เริ่มบ่นเมื่อแพทย์และพยาบาลเข้าไปเจาะเลือด ซึ่งหากท่านบ่นแสดงว่าท่านเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ส่วนเสลดเสมหะน้อยลงมาก ลักษณะเสมหะดีขึ้น โดยจากเมื่อก่อนเสมหะมีสีเขียวและขาวขุ่น ตอนนี้ใสขึ้น ไม่มีไข้ น้ำหนักตัว 45.7 กิโลกรัม สามารถฉันอาหารผ่านทางสายยางเข้าทางช่องท้องได้ตามปกติแล้ว

โดยในวันนี้ได้ให้นักกายภาพบำบัดเข้ามาช่วยหลวงพ่อได้ออกกำลังกายมากขึ้น จากเดิมที่ทำทุกวัน ในวันนี้จะเพิ่มท่ากายบริหารและใช้เวลาทำกายบริหารมากขึ้นเพื่อไม่ให้ข้อติดและกล้ามเนื้อมีแรง แต่ยังต้องทำกายบริหารอยู่บนเตียงผู้ป่วยไปก่อนเนื่องจากท่านยังไม่แข็งแรงพอ

สำหรับสภาพปอดวันนี้มีแนวโน้มดีขึ้น แต่ยังมีอาการอักเสบอยู่บ้าง ออกซิเจนในเลือดอยู่ในเกณฑ์ดี ซึ่งอาการของหลวงพ่อคูณไม่ได้เกินความคาดหมายของคณะแพทย์ เนื่องจากท่านอายุมากแล้วประกอบกับมีโรคประจำตัวหลายอย่าง อาการจึงค่อยๆ ดีขึ้นตามลำดับ ไม่เหมือนคนปกติทั่วไป การรักษาต้องทำแบบประคับประคอง และใช้แนวทางเดิม พร้อมติดตามภาวะแทรกซ้อนอย่างอื่นทุกระยะต่อไป

“ทั้งนี้ ทีมแพทย์โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมาได้มีการประสานและรายงานผลการรักษากับทางโรงพยาบาลศิริราช กรุงเทพฯ ทุกวัน เพื่อจะได้ทราบความเคลื่อนไหว และหากมีอะไรเปลี่ยนแปลงกะทันหันจะได้ตัดสินใจร่วมกันได้ทันที” นพ.พินิศจัยกล่าว

คลิกเพื่อชมคลิป