ศูนย์ข่าวนครราชสีมา- ผอ.รพ.มหาราชนครราชสีมา เรียกทีมแพทย์รักษา “หลวงพ่อคูณ” ประชุมเครียดนานกว่า 1 ชม. เผยที่ประชุมมีมติยังไม่ส่ง “พ่อคูณ” ไปรักษาต่อที่ รพ.ศิริราช เหตุอาการดีขึ้นทีมแพทย์พอใจผลการรักษา ระบุยกระดับการดูแลเข้มขึ้นมากกว่าผู้ป่วย ICU ประเมินอาการทุก ชม. และเตรียมพร้อมอุปกรณ์ช่วยชีวิต-แพทย์เชี่ยวชาญทุกด้านตลอด 24 ชม. เผยประสานอาจารย์แพทย์ รพ.ศิริราช เดินทางมาตรวจร่วมประเมินอาการอีกครั้งวันพรุ่งนี้ (7 ธ.ค.)
วันนี้ (6 ธ.ค.) เมื่อเวลา 12.00 น. ที่ห้องทำงานชั้น 9 อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา นพ.ณรงค์ อภิกุลวณิช ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ได้เรียกประชุมคณะแพทย์ที่ให้การรักษาพระเทพวิทยาคม (หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ) เจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา รวม 6 คน นำโดย นพ.พินิศจัย นาคพันธ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจและหลอดเลือด โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ซึ่งเป็นแพทย์ประจำตัวหลวงพ่อคูณ และ นพ.อนุชิต นิยมปัทมะ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านอายุรกรรมโรคปอด โดยไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าร่วมสังเกตการณ์แต่อย่างใด ซึ่งใช้เวลาในการประชุมหารือเครียดนานกว่า 1 ชั่วโมง ก่อนหารือกับ น.ส.จู ปริสุทธิชาติ ศิษย์ผู้ใกล้ชิดและคณะกรรมการวัดบ้านไร่ เพื่อแจ้งผลการประชุมให้ทราบ
จากนั้น นพ.ณรงค์ อภิกุลวณิช ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า วันนี้อาการหลวงพ่อคูณโดยรวมดีขึ้น อาการไข้ลดลงจนไม่มีไข้แล้ว มีเสมหะน้อยลง เทียบกับวันแรกถือว่าอาการดีขึ้น และอยู่ระหว่างการดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด ล่าสุดวันนี้ทีมแพทย์ที่ดูแลรักษาหลวงพ่อคูณได้มีการหารือกันได้ข้อสรุปร่วมกันว่า ทางโรงพยาบาลจะได้ดูแลหลวงพ่ออย่างใกล้ชิดและยกระดับการดูแลให้ดีขึ้น หรือมากกว่าการดูแลผู้ป่วย ICU มีการเตรียมเครื่องมือต่างๆ ให้พร้อม และจัดแพทย์เวรขึ้นมาดูแลอย่างเต็มที่
ขณะเดียวกัน ได้ประสานกับอาจารย์แพทย์ที่โรงพยาบาลศิริราช ทราบว่าวันพรุ่งนี้ (7 ธ.ค.) รศ.นพ.นิธิพัฒน์ เจียรกุล แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคระบบหายใจ โรงพยาบาลศิริราช กรุงเทพฯ จะเดินทางมาประเมินอาการของหลวงพ่อในวันพรุ่งนี้ด้วยตัวเองอีกครั้งหนึ่ง
ทั้งนี้ อยากให้ประชาชนสบายใจและทราบด้วยว่า หลวงพ่ออายุมากและมีโรคประจำตัวหลายอย่าง สถานการณ์ที่เราไม่คาดคิดและไม่อยากให้เกิดขึ้นนั้น ทางโรงพยาบาลได้เตรียมการหลายๆ อย่างไว้รองรับแล้ว โดยสำหรับการยกระดับการดูแลนั้นได้มีการเตรียมอุปกรณ์การช่วยชีวิต เตรียมแพทย์ที่เป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทุกด้านให้พร้อมตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งที่ผ่านมาก็ปฏิบัติเช่นนั้นมาโดยตลอดอยู่แล้ว โดยยกระดับการดูแลให้เต็มที่จริงๆ ซึ่งอยากให้ประชาชนได้ทราบว่าทางโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมาได้ดูแลหลวงพ่อคูณอย่างใกล้ชิด
นพ.ณรงค์กล่าวต่อว่า เท่าที่ประเมินจากอาการของหลวงพ่อทั้งข้อดีและข้อเสียในการเคลื่อนย้ายหลวงพ่อคูณเข้าไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลศิริราชนั้น เกรงว่าถ้าย้ายท่านไปอาจจะได้รับความกระทบกระเทือนระดับหนึ่งในขณะที่อาการหลวงพ่อตอนนี้ก็เริ่มดีขึ้นแล้ว วันนี้พวกเราต้องช่วยกันชั่งน้ำหนักทั้งข้อดีข้อเสีย และขณะเดียวกันก็ได้คุยกับทางโรงพยาบาลศิริราช โดยวันพรุ่งนี้ (7 ธ.ค.) อาจารย์แพทย์โรงพยาบาลศิริราชจะเดินทางมาร่วมประเมินอาการหลวงพ่อให้ด้วย ฉะนั้นมาถึงเวลานี้จึงยังไม่จำเป็นต้องย้ายหลวงพ่อคูณไปแต่อย่างใด
ส่วนแนวทางในการรักษาคิดว่าทางทีมรักษาน่าจะเดินมาถูกทางแล้ว และยาฆ่าเชื้อที่ให้กับหลวงพ่อคูณไปนั้นได้ให้เต็มที่ที่สามารถให้ได้ และดูการตอบสนองก็อยู่ในเกณฑ์ดี ผลการรักษานั้นทางคณะแพทย์ค่อนข้างพอใจ เพราะหลวงพ่ออายุมากแล้ว หากมีการเปลี่ยนแปลงจะเร็วและรุนแรงมาก แต่ถ้าอาการยังทรงตัวหรือมีแนวโน้มดีขึ้นทางคณะแพทย์ก็มีความพอใจ แต่เราต้องระมัดระวังเรื่องอื่นๆ อย่างเต็มที่เช่นกัน
นพ.ณรงค์กล่าวอีกว่า ล่าสุด นายวินัย บัวประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ได้มีการประสานหารือกับทางโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา และทีมแพทย์ที่ให้การรักษา เนื่องจากมีความห่วงใยหลวงพ่อ โดยมาหารือเรื่องการย้ายหรือไม่ย้ายหลวงพ่อคูณไปรักษาต่อยัง โรงพยาบาลศิริราชว่าสิ่งไหนที่จะเป็นประโยชน์กับหลวงพ่อคูณมากที่สุด ซึ่งถือเป็นความห่วงใยของท่านผู้ว่าฯ นครราชสีมา และเรื่องนี้จะมีการหารือกับอาจารย์แพทย์ของโรงพยาบาลศิริราช ที่จะเดินทางมาตรวจและประเมินอาการของหลวงพ่อด้วย
“จริงๆ แล้วเรามีการประเมินหลวงพ่อทุกชั่วโมง และได้ประสานกับอาจารย์แพทย์โรงพยาบาลศิริราช ทุก 1 ชั่วโมง ซึ่งทีมแพทย์ทุกคนก็เฝ้าติดตามและดูแลอาการหลวงพ่อคูณอย่างใกล้ชิด และอยากเรียนศิษยานุศิษย์ที่มีความศรัทธาหลวงพ่อคูณว่า ทางโรงพยาบาลนั้นดำเนินการอย่างเต็มที่ในทรัพยากรที่มีอยู่ ทั้งแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เรื่องยา และการเตรียมอุปกรณ์ต่างๆ แต่หากมีความจำเป็นที่จะต้องส่งหลวงพ่อไปรักษาต่อยังโรงพยาบาลศิริราชก็ได้ประสานไว้แล้ว เรียกว่าทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้” นพ.ณรงค์กล่าว