ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - สสจ.เชียงใหม่ประสานหน่วยงานเกี่ยวข้องเร่งสร้างคุณภาพร้านอาหารรับฤดูท่องเที่ยว หลังเกิดเหตุสงสัยสาว ป.โทกินหมูกระทะดับ โดยผลตรวจเบื้องต้นเนื้อปลามีเชื้อโรคปนเปื้อนจริง ขณะที่หมู-เนื้อยังรอผลอยู่ แถมระยะที่ผ่านมามีตายแล้ว 2 ราย ด้าน ทน.เชียงใหม่ร่วมส่ง จนท.เข้มงวดร้านอาหารด้วย
ดร.สุรสิงค์ วิศรุตรัตน์ รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยความคืบหน้ากรณีนักศึกษาสาวปริญญาโทเสียชีวิตเมื่อเดือนที่ผ่านมาด้วยอาการติดเชื้อในกระแสโลหิตจากเชื้อสเตปโตคอคคัส กรุ๊ปบี ว่า เชื้อดังกล่าวเป็นคนละตัวกับโรคหูดับ แต่ก็เป็นตระกูลเดียวกันที่จะเจริญหรือปะปนกับอาหารที่ดิบ เบื้องต้นผลตรวจตัวอย่างอาหารในร้านหมูกระทะที่ผู้ตายไปบริโภค ตามข้อสันนิษฐานพบเนื้อปลามีเชื้อโรคปนเปื้อน ส่วนหมู เนื้อ และอื่นๆ ผลตรวจยังไม่แล้วเสร็จ แต่เป็นข้อสันนิษฐานได้ว่าผู้ตายอาจได้รับเชื้อจากอาหารที่ไม่สุกจากร้านอาหารดังกล่าว แต่ก็มีปัจจัยอื่นเกี่ยวข้องด้วย ทั้งสุขภาพของผู้ตายเอง เพราะกลุ่มเพื่อนที่ไปด้วยไม่มีใครป่วย ทั้งนี้คาดว่าจะสรุปผลภาพรวมได้เร็วๆ นี้ ซึ่งนอกจากรายนี้ก็มีอีก 3 รายที่คล้ายกัน แต่ไม่ได้เป็นคนกลุ่มเดียวกัน
“ระยะไม่กี่เดือนที่ผ่านมามีเหตุตายเช่นนี้ 2 รายแล้ว ก็ต้องช่วยกันระวังเรื่องการกินให้มากขึ้น”
ดร.สุรสิงค์ย้ำว่า อย่างไรก็ตาม ไม่ได้หมายความว่าร้านหมูกระทะจะบริโภคไม่ได้ แต่ขึ้นอยู่กับตัวของผู้บริโภคที่ต้องใส่ใจสุขอนามัยการกิน เพราะเชื้อเหล่านี้จะปนเปื้อนในอาหารดิบ และเพื่อไม่เกิดผลกระทบต่อภาพลักษณ์ ทางสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่จะเร่งตรวจเข้มเรื่องคุณภาพของร้านอาหารเหล่านี้เพื่อรองรับฤดูกาลท่องเที่ยวด้วย
รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่กล่าวอีกว่า เรื่องสุขนิสัยในการบริโภคเป็นเรื่องสำคัญ ความสะอาด กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือให้สะอาด กินอาหารที่สุกจะปลอดภัยกว่า เพราะบ้านเรามักจะไม่สนใจกัน ต่างจากประเทศอื่นที่เขาพัฒนาหรือเจริญมากแล้วจะมีความใส่ใจเรื่องนี้มาก ไม่ใช้อุปกรณ์กินข้าวปะปนกัน อันไหนคีบ อันไหนตักแยกไว้ชัดเจน
ด้านนายทัศนัย บูรณุปกรณ์ นายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ เปิดเผยว่า ได้ให้เจ้าหน้าที่สำนักการสาธารณสุขทำการสำรวจและทำความเข้าใจกับร้านอาหารต่างๆ เพื่อที่จะควบคุมสุขอนามัยไม่ให้เกิดปัญหาเรื่องของอาหารไม่ปลอดภัย เพราะเชียงใหม่เป็นเมืองท่องเที่ยว หากเกิดปัญหาหรือมีเรื่องเหล่านี้ก็จะเกิดผลกระทบแน่นอน
“เราเคยมีบทเรียนมาแล้วหลายครั้ง ต้องไม่เกิดขึ้นอีก ส่วนผู้ประกอบการเองก็ต้องมีสำนึกดูแลผู้บริโภคด้วย เชื่อว่าทุกคนคงตระหนักดีอยู่แล้ว จะมีเพียงไม่กี่รายที่อาจจะลืมดูแลเรื่องนี้ โดยเฉพาะช่วงที่คนหนาแน่น โดยจะมีการออกรณรงค์และประชาสัมพันธ์สร้างความเข้าใจและความเชื่อมั่นในเรื่องนี้เต็มที่”