ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - สนช.จับมือ สอท.ลงนามตั้ง Northern Food Valley ตั้งเป้านำงานวิจัย-เทคโนโลยีมาสนับสนุน-ยกระดับอุตสาหกรรมอาหารในพื้นที่ เผยนำร่องที่เชียงใหม่เหตุมีศักยภาพ-ผู้ประกอบการเข้มแข็ง ผอ.สนช.แจงตั้ง Food Valley ไม่ใช่สร้างพื้นที่แต่ต้องช่วยเสริมให้ผู้ประกอบการสามารถไปแข่งขันในระดับโลกได้
วันนี้ (27 พ.ย.) ที่โรงแรมคุ้มพญา รีสอร์ทแอนด์สปา เซนทาราบูติก คอลเลคชั่น เชียงใหม่ สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ได้ทำพิธีลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือเรื่องการดำเนินงานพื้นที่เศรษฐกิจนวัตกรรมอาหารภาคเหนือ หรือ Northern Food Valley ขึ้น โดยมีนายฤทธิพงศ์ เตชะพันธุ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานในพิธี และมีนายศุภชัย หล่อโลหการ ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) นายวิเชียร เชิดชูตระกูลทอง ผู้แทนคณะกรรมการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ นายยุทธพงศ์ จีรประภาพงศ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมภาคเหนือ และนายองอาจ กิตติคุณชัย ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมลงนามในพิธีดังกล่าว
การลงนามร่วมกันระหว่าง สนช. กับ สอท.ในครั้งนี้เป็นการดำเนินการต่อเนื่องจากการลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการดำเนินงาน Thailand Food Valley ระหว่างกระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 25 ก.ย.ที่ผ่านมา โดย สนช. และ สอท.ได้จัดทำข้อตกลงสนับสนุนให้มีการตั้งพื้นที่เศรษฐกิจนวัตกรรมอาหารภาคเหนือขึ้นเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนา Thailand Food Valley
สำหรับการเลือกจังหวัดเชียงใหม่ให้เป็นสถานที่เริ่มต้นดำเนินการ Northern Food Valley นั้น สืบเนื่องจากทั้ง สนช. และ สอท.เห็นว่ากลุ่มจังหวัดภาคเหนือเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพสูง อีกทั้งยังมีผู้ประกอบการด้านอุตสาหกรรมอาหารที่สำคัญและมีความเข้มแข็งในระดับประเทศ โดยการดำเนินการตามบันทึกข้อตกลงจะมุ่งเน้นการพัฒนานวัตกรรมในผู้ประกอบการด้านอุตสาหกรรมอาหารทั้งต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ โดยยึดหลักการพัฒนานวัตกรรมบนพื้นที่เป้าหมายที่กำหนด และพัฒนาผู้ประกอบการของพื้นที่เป้าหมายนั้นๆ ในลักษณะเครือข่ายวิสาหกิจนวัตกรรม ซึ่งจะเชื่อมโยงระหว่างผู้ประกอบการ หน่วยงานวิจัยทั้งภาครัฐและเอกชนในพื้นที่ภาคเหนือ
รวมไปถึงหน่วยงานสนับสนุนด้านการเงินทั้งภาครัฐและเอกชน และผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมเข้าด้วยกันเป็นโครงข่าย เพื่อก่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนความรู้ ข้อมูล เทคโนโลยี นวัตกรรม และแรงงานระหว่างกันในพื้นที่เศรษฐกิจนวัตกรรมอาหารภาคเหนือ รวมทั้งยังเป็นการสนับสนุนให้เกิดการผลิตและสร้างรายได้มากขึ้น ยกระดับผลิตภัณฑ์มวลรวม (GDP) ของพื้นที่เป้าหมาย อีกทั้งยังเป็นการเตรียมความพร้อมในการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนใน พ.ศ. 2558 ด้วย
ขณะที่กลยุทธ์ในการดำเนินการประกอบด้วย 3 กลยุทธ์หลัก ได้แก่ การส่งเสริมการลงทุนในธุรกิจนวัตกรรมในพื้นที่เป้าหมาย การสร้างเครือข่ายวิสาหกิจนวัตกรรมอาหาร และความปลอดภัยของอาหาร โดย สนช. และ สอท.จะร่วมกันจัดตั้งศูนย์ประสานงานเครือข่ายการบริหารจัดการพื้นที่เศรษฐกิจนวัตกรรมเพื่อเชื่อมโยงฐานข้อมูลและงานวิจัยมาผลักดันให้เกิดผลในเชิงพาณิชย์ รวมถึงการประสานด้านการตลาดและการลงทุนของผู้ประกอบการด้านอาหารในพื้นที่
นายศุภชัย หล่อโลหการ ผู้อำนวยการ สนช. กล่าวว่า สิ่งที่ สนช.คาดหวังในการผลักดันให้เกิด Food Valley ขึ้นในจังหวัดเชียงใหม่ไม่ใช่การก่อสร้างสถานที่ แต่เป็นการสร้างผู้ประกอบการที่มีความสามารถในการแข่งขัน โดยนำความรู้ งานวิจัย และนวัตกรรมต่างๆ มาสนับสนุนให้ผู้ประกอบการมีศักยภาพที่ดียิ่งขึ้น รวมทั้งสามารถออกไปแข่งขันในตลาดต่างประเทศได้ ซึ่งจากการร่วมงานกับกลุ่มผู้ประกอบการ พบว่าผู้ประกอบการด้านอาหารทั้งในเชียงใหม่และพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคเหนือต่างมีระบบการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ รวมทั้งยังมีผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ ซึ่งหากได้รับการส่งเสริมสนับสนุนอย่างถูกต้องเหมาะสม นอกจากจะช่วยสร้างรายได้ให้แก่ผู้ประกอบการเพิ่มมากขึ้นแล้ว ยังจะนำมาซึ่งการจ้างงานและการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศอีกด้วย
ด้านนายองอาจ กิตติคุณชัย ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า ก่อนหน้าที่หน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องจะตัดสินใจว่าควรจะเริ่มนำร่องทำโครงการ Food Valley นั้นยังมีความเข้าใจที่แตกต่างกัน รวมทั้งยังมองไม่เห็นภาพว่า Food Valley ที่จะเกิดขึ้นนั้นจะเป็นอย่างไร แต่หลังจากการดูงานในประเทศต่างๆ โดยเฉพาะที่เนเธอร์แลนด์แล้ว จึงเข้าใจและเริ่มมองเห็นภาพว่าจะสามารถนำแนวคิดเรื่อง Food Valley มาใช้ในจังหวัดเชียงใหม่ได้อย่างไรบ้าง
โดยสิ่งที่เป็นหัวใจสำคัญก็คือจะต้องนำเอางานวิชาการและงานวิจัยเข้ามามีส่วนในการพัฒนาคุณภาพและผลิตภัณฑ์ของผู้ประกอบการให้ยกระดับขึ้นจากในปัจจุบัน ซึ่งหากสามารถเชื่อมโยงทั้งสองส่วนเข้าด้วยกันแล้วก็จะมีส่วนช่วยในการยกระดับอุตสาหกรรมอาหารของเชียงใหม่ และประเทศให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น