รู้กันดีกว่า “ลูกเดือย” เป็นธัญพืชที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง แต่สำหรับชาวไทยยังไม่นิยมรับประทานมากนัก ส่วนใหญ่แค่ใส่เป็นเครื่องในน้ำเต้าหู้ ซึ่งสาเหตุสำคัญประการหนึ่งมาจากขั้นตอนการแปรรูปลูกเดือยค่อนข้างยุ่งยาก ต้องใช้เวลานาน โดยต้องแช่น้ำนานกว่า 8 ชั่วโมง และต้องนำไปต้มอีก 45-60 นาที จนผู้บริโภคส่วนหนึ่งเกิดความเบื่อหน่าย
จากประเด็นดังกล่าวจุดไอเดียให้เอสเอ็มอีจากจังหวัดพะเยาอย่างห้างหุ้นส่วนจำกัด แม่เล็กฟูดโปรดักท์ ภายใต้การนำของ “นันทนา จักรภีร์ศิริสุข” เจ้าของกิจการ ลุกขึ้นมาสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์แปรรูปจากลูกเดือยชนิดต่างๆ ภายใต้ยี่ห้อ “พี-ไลฟ์” ( P-life) โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ล่าสุดคือ ลูกเดือยกึ่งสำเร็จรูป ทำได้ง่ายๆ แค่หุงพร้อมข้าวสารในหม้อหุงข้าวธรรมดาๆ หรือใส่ในไมเครเวฟ เพียง 10 นาทีก็นำออกมารับประทานได้แล้ว ช่วยตอบโจทย์ให้การรับประทานลูกเดือยไม่ใช่เรื่องยุ่งยากอีกต่อไป
“แนวคิดเริ่มต้นเกิดจากพื้นฐานธุรกิจของเราทำส่งออกวัตถุดิบลูกเดือยไปยังประเทศญี่ปุ่นมากว่า 20 ปีแล้ว ทำให้ดิฉันมีโอกาสเดินทางไปประเทศญี่ปุ่นบ่อยครั้ง และพบเจอว่าที่ญี่ปุ่นนิยมกินลูกเดือยอย่างยิ่ง เพราะคนญี่ปุ่นจะใส่ใจเรื่องสุขภาพมาก โดยจะนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์หลากหลายประเภท ทั้งอาหาร เครื่องดื่ม และเครื่องสำอาง เป็นต้น ส่วนคนไทยแล้วกินลูกเดือยเพียงแค่ 10% จากวัตถุดิบที่ปลูกได้ในประเทศ ส่วนอีก 90% ส่งออกทั้งหมด ซึ่งสาเหตุสำคัญที่คนไทยไม่นิยมลูกเดือยเพราะกินยาก ต้องต้มนาน เสียเวลามาก ทำให้ดิฉันเกิดไอเดียอยากจะแปรรูปลูกเดือยให้เป็นอาหารที่กินได้ง่ายขึ้น เพื่อจะช่วยให้คนไทยนิยมกินลูกเดือยมากยิ่งขึ้น”
นันทนาระบุว่า ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ จะทำงานร่วมกับหน่วยงานภาครัฐด้านส่งเสริมนวัตกรรมและสถาบันการศึกษา เบื้องต้นทำเป็นน้ำลูกเดือยพร้อมดื่ม ยี่ห้อ “พี-ไลฟ์” โดยได้รับการสนับสนุนการวิจัยจากสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ซึ่งเป็นน้ำลูกเดือยผ่านการฆ่าเชื้อระบบสเตอริไลซ์ ทำให้เก็บรักษาได้นาน 1 ปีโดยไม่ใส่วัตถุกันเสียและไม่ต้องแช่เย็น
และล่าสุดได้ทำผลิตภัณฑ์ลูกเดือยหุงสุกเร็ว ภายใต้ยี่ห้อ “พี-ไลฟ์” เช่นกัน ซึ่งเป็นลูกเดือยกึ่งสำเร็จรูปบรรจุในถุงพลาสติก สามารถนำมาใช้รับประทานได้ง่ายๆ เพียงใส่หุงพร้อมข้าวสารในหม้อหุงข้าวไฟฟ้าทั่วไป หรือเติมน้ำให้ท่วมแล้วใส่เข้าไมโครเวฟ เพียง 10 นาทีก็รับประทานได้ทันที ถือเป็นนวัตกรรมอาหารเพื่อสุขภาพที่ได้การันตีรางวัลที่ 2 สาขาอุตสาหกรรมเชิงสร้างสรรค์ หรือ DIP 2012 จากกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม
“ในความเป็นจริงลูกเดือยสามารถนำไปแปรรูปได้หลากหลาย แต่สาเหตุที่เราเลือกจะแปรรูปเป็นลูกเดือยกึ่งสำเร็จรูปหุงพร้อมข้าวสาร เพราะเห็นว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่ใกล้ตัวกับคนไทย ทุกคนกินข้าวเป็นอาหารหลักทุกมื้ออยู่แล้วทำให้ตลาดกว้าง อีกทั้งการทำสุกในหม้อหุงข้าว หรือไมโครเวฟ เป็นเรื่องง่ายมากเหมาะกับไลฟ์สไตล์คนเมือง และคนยุคใหม่”
เจ้าของกิจการเผยด้วยว่า นวัตกรรมนี้ทำงานวิจัยและพัฒนาร่วมกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนงานวิจัย (สกว.) โดยใช้เวลาพัฒนาร่วม 1 ปี โดยเทคนิคสำคัญคือ เลือกใช้ลูกเดือยข้าวเหนียว ซึ่งมีกลิ่นหอมเฉพาะตัว นำมาแปรรูปให้ลูกเดือยมีสภาพกึ่งสุกกึ่งดิบ แล้วบรรจุในภาชนะสุญญากาศ ทำให้เก็บไว้ได้นาน 1 ปี โดยไม่เป็นมอด หรือเกิดกลิ่นเหม็นหืน
สำหรับคุณประโยชน์ของลูกเดือยจะมีสารอาหารหลากหลาย เช่น ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม แคลเซียม วิตามินบี 1 และบี 2 ช่วยให้ผิวพรรณดี มีสารต้านอนุมูลอิสระ และลดอาการปวดข้อ ปวดเข่า เป็นต้น
ในด้านการผลิตนั้น นันทินาระบุว่า ขณะนี้สามารถทำได้ครบวงจรในระดับมาตรฐานส่งออก ตั้งแต่แหล่งวัตถุดิบลูกเดือยที่ทำสัญญากับเกษตรให้ปลูกโดยปลอดสารพิษ ไม่มี GMO ขณะที่โรงงานแปรรูปและผลิตได้มาตรฐานทางอาหารครบถ้วน ทั้ง GMP ฮาลาล เป็นต้น
ทั้งนี้ วางกลุ่มลูกค้าเป้าหมายไปที่กลุ่มผู้รักสุขภาพ โดยเฉพาะคุณแม่บ้านที่เลือกสิ่งดีที่สุดให้แก่สมาชิกครอบครัว รวมถึงคนรุ่นใหม่ที่หันมาใส่ใจสุขภาพ เบื้องต้นขายในบรรจุภัณฑ์ขนาด 350 กรัม ราคา 100 บาท ผ่านช่องทางตลาดจะวางขายในร้านค้าผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพต่างๆ และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ รวมถึงผ่านเว็บไซต์ที่ www.p-lifethailand.com และเตรียมจะส่งออกตลาดอาเซียนอีกด้วย
นันทนา กล่าวในตอนท้ายว่า เตรียมจะพัฒนาผลิตภัณฑ์จากลูกเดือยชนิดอื่นๆ ออกมาต่อเนื่องเร็วๆ นี้ คือ ลูกเดือยกรอบ คล้ายข้าวโพดคั่ว เป็นต้น ซึ่งจะคงจุดเด่นความสะดวกในการบริโภคและยังคงคุณค่าของลูกเดือยครบถ้วน โดยคำนึงถึงการควบคุมคุณภาพในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การคัดสรรวัตถุดิบจากธรรมชาติ การตรวจสอบคุณภาพบรรจุภัณฑ์ ผ่านกรรมวิธีการผลิตที่สะอาด ได้มาตรฐาน ถูกสุขอนามัย และตรวจสอบคุณภาพผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปอย่างละเอียดก่อนส่งจำหน่ายไปยังผู้บริโภค ภายใต้แนวความคิด “คงคุณค่าจากธรรมชาติ”
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
โทร. 05-4484-4260 หรือ www.p-lifethailand.com
