ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - ชาวนาเมืองบุรีรัมย์โวย อคส.ออกใบประทวนล่าช้า หลังนำข้าวเข้าโครงการจำนำต้องรอไปอีก 12 วันจึงจะได้ใบประทวนนำไปขึ้นเงินต่อ ธ.ก.ส.ได้ ทำชาวนาเดือดร้อนไม่มีเงินใช้จ่าย และใช้หนี้สินตามกำหนด ชี้ไม่ตรงกับที่รัฐรับปากว่าไม่ให้เกิน 3 วัน จี้ให้ส่ง จนท.ลงมาดูแลจุดรับจำนำเพื่อร่วมตรวจสอบการหักความชื้น และหักสิ่งเจือปนเพราะไม่เชื่อใจโรงสี
วันนี้ (26 พ.ย.) เกษตรกรในเขตพื้นที่ อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ ยังคงนำข้าวเปลือกมาเข้าร่วมโครงการรับจำนำอย่างต่อเนื่อง และโดนหักความชื้น และสิ่งเจือปนมาก ขายได้เพียงกิโลกรัมละ 12-14 บาทเท่านั้น ซึ่งเป็นราคาที่ต่ำกว่าที่รัฐบาลกำหนดกิโลกรัมละ 20 บาท โดยเกษตรกรได้ร้องขอให้ภาครัฐเร่งออกใบประทวนให้แก่เกษตรกรที่นำข้าวมาเข้าร่วมโครงการฯ เร็วขึ้น ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่องค์การคลังสินค้าจะเขียนใบนัดให้เกษตรอีก 12 วัน จึงจะสามารถนำไปขึ้นเงินกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ซึ่งเกษตรกรเดือดร้อนเนื่องจากไม่มีเงินไปใช้จ่ายเป็นค่าแรง ค่ารถเกี่ยวข้าว และชำระหนี้สินที่เกิดจากการกู้ยืมมาเพาะปลูกข้าว ประกอบกับปีนี้เกษตรกรในหลายพื้นที่ประสบปัญหาฝนทิ้งช่วงนาข้าวแห้งตายได้ผลผลิตน้อยกว่าทุกปีที่ผ่านมาด้วย
นายสิริศักดิ์ การรัมย์ เกษตรกร ต.บ้านด่าน อ.บ้านด่าน จ.บุรีรัมย์ กล่าวว่า ตนยังไม่เข้าใจมาตรฐานของโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล เพราะข้าวที่เกษตรกรนำมาเข้าโครงการซึ่งถูกหักความชื้น และสิ่งเจือปน และได้ราคาที่ต่างกันมากตั้งแต่ราคา 12-18 บาทต่อกิโลกรัม แต่เมื่อโรงสีนำข้าวที่รับจำนักไปเทไว้ในโกดัง กลับเทไว้รวมกัน จึงอยากให้ภาครัฐได้ชี้แจงให้เข้าใจ และขอให้รัฐบาลส่งเจ้าหน้าที่มาดูแลเกษตรกรตามจุดรับจำนำให้ทั่วถึงด้วย โดยเฉพาะการตรวจสอบการหักค่าความชื้น และสิ่งเจือปน เพราะเชื่อว่ายังไม่ได้มาตรฐานเท่าที่ควร
ด้านนายเนียน กอแก้ว เกษตรกร ต.กระสัง อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ กล่าวว่า อยากเรียกร้องให้ภาครัฐออกใบประทวนให้เร็วขึ้นเพื่อที่จะนำไปขึ้นเงินกับ ธ.ก.ส. ซึ่งตนนำข้าวมาเข้าร่วมโครงการฯ วันนี้ (26 พ.ย.) แต่ทางเจ้าหน้าที่ อคส.ได้เขียนใบนัดให้มารับใบประทวนในวันที่ 7 ธ.ค.55 ซึ่งเป็นระยะเวลานานถึง 12 วัน
ทั้งที่รัฐบาลกำหนดไว้ว่าจะให้ใบประทวนไม่เกิน 3 วัน ทำให้เกษตรกรเดือดร้อนไม่มีเงินไปใช้จ่ายในส่วนที่จำเป็นหลังเก็บเกี่ยว จึงฝากให้รัฐบาลได้พิจารณาช่วยเหลือในกรณีดังกล่าวด้วย