พะเยา - การค้าภายในจังหวัดฯ คาดมีข้าวพะเยาเข้าจำนำกว่า 1.3 แสนตัน โดยมีโรงสีร่วมโครงการ 18 โรง เตือนเกษตรกรรักษาสิทธิ อย่าปล่อยให้นายหน้าค้าข้าวสวม
วันนี้ (26 พ.ย.) นายพิพัฒน์พงษ์ หลวงสุภา การค้าภายในจังหวัดพะเยา กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลได้มีนโยบายให้มีโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2555-15 กันยายน 2556 สำหรับจังหวัดพะเยามีโรงสีทั่วจังหวัดที่ผ่านการตรวจสอบและคัดกรองร่วมโครงการจำนวน 18 แห่ง สามารถรองรับการรับจำนำข้าวของเกษตรกรในพื้นที่ได้ไม่น้อยกว่า 130,000 ตัน แต่ละวันสำรวจเบื้องต้นจะรับจำนำและอบข้าวเปลือกได้ไม่น้อยกว่า 50,000 ตัน
การค้าภายในจังหวัดพะเยากล่าวต่อว่า ระยะนี้ผลผลิตข้าวนาปีของเกษตรกรในจังหวัดพะเยากำลังจะเริ่มเก็บเกี่ยว จึงฝากไปยังเกษตรกรไม่ควรใจร้อนรีบเกี่ยวข้าว เพราะอาจจะทำให้ข้าวมีความชื้นสูง เมื่อข้าวมีความชื้นสูงอาจจะมีผลต่อราคารับจำนำ เพราะเกณฑ์ของการรับจำนำข้าวจะต้องวัดความชื้นและสิ่งปลอมปนในข้าวด้วย ดังนั้น หากเกษตรกรทิ้งระยะเวลาให้ข้าวเปลือกแห้งสนิทและมีความชื้นน้อยที่สุดจะได้ราคาดี
“ที่สำคัญฝากเตือนไปถึงเกษตรกรในพื้นที่ จ.พะเยาทั้งหมดด้วยความห่วงใย คือ ระวังอย่าให้นายหน้ารับซื้อขายข้าวเปลือกไปขอซื้อใบประทวนโดยเด็ดขาด เพราะหากเกษตรกรขายใบประทวน เมื่อมีการตรวจสอบเรื่องการสวมสิทธิเกษตรกรขึ้นมา และหากมีมูลความผิดเกษตรกรอาจจะได้รับผลกระทบไปด้วย ดังนั้น เกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนจำนำข้าวขอให้แจ้งตามความเป็นจริง และไม่ขายใบประทวนให้แก่ผู้ใดจะปลอดภัยอย่างมาก ตลอดจนป้องกันการทุจริตในโครงการจำนำข้าวได้ด้วย สำหรับจังหวัดพะเยายังไม่พบการกระทำผิดปกติแต่อย่างใด” นายพิพัฒน์พงษ์กล่าว
วันนี้ (26 พ.ย.) นายพิพัฒน์พงษ์ หลวงสุภา การค้าภายในจังหวัดพะเยา กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลได้มีนโยบายให้มีโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2555-15 กันยายน 2556 สำหรับจังหวัดพะเยามีโรงสีทั่วจังหวัดที่ผ่านการตรวจสอบและคัดกรองร่วมโครงการจำนวน 18 แห่ง สามารถรองรับการรับจำนำข้าวของเกษตรกรในพื้นที่ได้ไม่น้อยกว่า 130,000 ตัน แต่ละวันสำรวจเบื้องต้นจะรับจำนำและอบข้าวเปลือกได้ไม่น้อยกว่า 50,000 ตัน
การค้าภายในจังหวัดพะเยากล่าวต่อว่า ระยะนี้ผลผลิตข้าวนาปีของเกษตรกรในจังหวัดพะเยากำลังจะเริ่มเก็บเกี่ยว จึงฝากไปยังเกษตรกรไม่ควรใจร้อนรีบเกี่ยวข้าว เพราะอาจจะทำให้ข้าวมีความชื้นสูง เมื่อข้าวมีความชื้นสูงอาจจะมีผลต่อราคารับจำนำ เพราะเกณฑ์ของการรับจำนำข้าวจะต้องวัดความชื้นและสิ่งปลอมปนในข้าวด้วย ดังนั้น หากเกษตรกรทิ้งระยะเวลาให้ข้าวเปลือกแห้งสนิทและมีความชื้นน้อยที่สุดจะได้ราคาดี
“ที่สำคัญฝากเตือนไปถึงเกษตรกรในพื้นที่ จ.พะเยาทั้งหมดด้วยความห่วงใย คือ ระวังอย่าให้นายหน้ารับซื้อขายข้าวเปลือกไปขอซื้อใบประทวนโดยเด็ดขาด เพราะหากเกษตรกรขายใบประทวน เมื่อมีการตรวจสอบเรื่องการสวมสิทธิเกษตรกรขึ้นมา และหากมีมูลความผิดเกษตรกรอาจจะได้รับผลกระทบไปด้วย ดังนั้น เกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนจำนำข้าวขอให้แจ้งตามความเป็นจริง และไม่ขายใบประทวนให้แก่ผู้ใดจะปลอดภัยอย่างมาก ตลอดจนป้องกันการทุจริตในโครงการจำนำข้าวได้ด้วย สำหรับจังหวัดพะเยายังไม่พบการกระทำผิดปกติแต่อย่างใด” นายพิพัฒน์พงษ์กล่าว