xs
xsm
sm
md
lg

“พระป่า” ศรีสะเกษสุดทน ร้อง “นายทุน-คนมีสี” เหิมบุกเผาฮุบป่าต้นน้ำ 3,400 ไร่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พระสถิต มหาเตโช เจ้าสำนักสงฆ์เขื่อนบ้านศาลา ต.โคกตาล อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ  นำหลักฐานและภาพถ่ายร้องสื่อ แฉนายทุนร่วมผู้นำท้องถิ่น และคนมีสี บุกรุกตัดต้นไม้เผาทำลายป่าฝั่งซ้ายห้วยศาลา ต.โคกตาล เพื่อยึดครอง กว่า 3,400 ไร่ วันนี้ ( 21 พ.ย.)
ศรีสะเกษ - “พระป่า” อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ สุดทนนำหลักฐานภาพถ่ายร้องสื่อ แฉนายทุนบุกรุกฮุบป่าฝั่งซ้ายห้วยศาลา แหล่งต้นน้ำกว่า 3,400 ไร่ เผยมีผู้นำท้องถิ่น-คนมีสีเข้าร่วมนำชาวบ้านตัดไม้เผาทำลายป่า ผุดสิ่งก่อสร้าง ปลูกพืชเศรษฐกิจเพื่อยึดครองพื้นที่อย่างไม่เกรงกลัว กม.บ้านเมือง แถมข่มขู่ชาวบ้านที่ร่วมกันรักษาป่า เคยร้องเรียนส่วนราชการหลายแห่งแต่เรื่องเงียบหาย ไม่มี จนท.รัฐเข้าดูแลจับกุมแต่อย่างใด

วันนี้ (21 พ.ย.) เมื่อเวลา 13.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.ศรีสะเกษว่า พระสถิต มหาเตโช เจ้าสำนักสงฆ์เขื่อนบ้านศาลา ต.โคกตาล อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ ได้นำเอาหลักฐานที่นายทุนบุกรุกเข้าไปตัดไม้ทำลายป่าพื้นที่ป่าชุมชน ต.โคกตาล ซึ่งเป็นป่าถาวรตามมติคณะรัฐมนตรี ป่าฝั่งซ้ายห้วยศาลา บริเวณพื้นที่ติดกับสำนักสงฆ์เขื่อนบ้านศาลา เข้าร้องเรียนต่อสื่อมวลชนทุกแขนงของ จ.ศรีสะเกษ โดยมีหนังสือร้องเรียนพร้อมด้วยภาพถ่ายของการบุกรุกป่าฝั่งซ้ายห้วยศาลาที่กำลังมีการเผาป่าและตัดไม้ขนาดใหญ่จำนวนมาก เช่น ไม้พะยูง ไม้มะค่า ไม้ประดู่ ไม้ตะเคียน ฯลฯ

รวมทั้งภาพถ่ายของแกนนำนายทุนและชาวบ้านที่เข้าไปบุกรุกป่า ซึ่งกำลังทำการก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินป่าฝั่งซ้ายห้วยศาลา ทำให้ป่าฝั่งซ้ายห้วยศาลาถูกบุกรุกกินเนื้อที่เป็นบริเวณกว้างกว่า 3,400 ไร่ โดยแยกเป็น 3 แห่งด้วยกัน คือ แปลงที่ 1 บริเวณป่าชุมชนบ้านคลองคำโคกแต้ จำนวน 2,500 ไร่, แปลงที่ 2 บริเวณป่าชุมชนบ้านเขาแดง จำนวน 700 ไร่ และแปลงที่ 3 บริเวณป่าชุมชนบ้านเรือทอง จำนวน 200 ไร่ โดยนายทุนได้มีการปลูกต้นยางพารา มะพร้าว ไผ่ ยูคาลิปตัส และต้นกล้วย เพื่อแสดงการถือครองที่ดินทั้งหมด โดยที่ไม่มีเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้าไปดูแลรักษาจับกุมดำเนินคดีตามกฎหมายแต่อย่างใด

พระสถิต มหาเตโช เจ้าสำนักสงฆ์เขื่อนบ้านศาลา ต.โคกตาล อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ กล่าวว่า ป่าฝั่งซ้ายห้วยศาลาเป็นแหล่งต้นน้ำลำธารที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของ จ.ศรีสะเกษที่อยู่ติดกับแนวชายแดนไทย-กัมพูชา และเป็นแหล่งที่มีไม้พะยูงและไม้มีค่า รวมทั้งสมุนไพรของป่าและสัตว์ป่าหายากหลายชนิด ซึ่งชาวบ้านได้อาศัยป่าแห่งนี้เป็นแหล่งหาของป่ามาดำรงชีวิต เช่น เก็บเห็ด หาสมุนไพร แต่ปรากฏว่าได้มีนายทุนร่วมกับผู้นำชาวบ้านบางคนและคนมีสีในเขต อ.ภูสิงห์ และ อ.ขุขันธ์ ได้เข้าไปทำการบุกรุกตัดไม้และเผาป่าทำให้เกิดความเสียหายต่อระบบนิเวศของป่า ทำให้ป่าขาดความอุดมสมบูรณ์เหลือแต่ไม้ขนาดเล็กและทุ่งหญ้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งไม้พะยูงขณะนี้มีเหลืออยู่น้อยมากเนื่องจากถูกกลุ่มนายทุนแอบลักลอบตัดไม้พะยูงไปขายจนเกือบหมดสิ้น แล้วทำการปลูกไม้เศรษฐกิจอื่นเพื่อยึดครองพื้นที่ โดยที่ไม่ได้มีความกลัวเกรงต่อกฎหมายบ้านเมืองแต่อย่างใด

พระสถิตกล่าวต่อว่า อาตมภาพเคยได้ร้องเรียนเรื่องนี้ไปยังส่วนราชการที่เกี่ยวข้องหลายแห่งแล้ว แต่ปรากฏว่าเรื่องได้เงียบหายไป เมื่อไปติดตามเรื่องนี้ก็ได้รับคำตอบเพียงว่ากำลังดำเนินการ ขณะเดียวกัน กลุ่มชาวบ้านที่ร่วมกันรักษาป่าก็ถูกกลุ่มนายทุนผู้มีอิทธิพลข่มขู่ไม่ให้ไปเป็นพยานในการเอาผิดผู้บุกรุกป่า ทำให้ชาวบ้านที่ร่วมกันรักษาป่าเกิดความหวาดกลัวเป็นอย่างมาก ขณะนี้อาตมภาพกำลังร่วมกับชาวบ้าน ต.โคกตาล อ.ภูสิงห์ ส่วนหนึ่งร่วมกันรักษาป่า แต่ว่าไม่มีเจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องเข้าไปดูแลจับกุมผู้กระทำผิดในการบุกรุกป่าแห่งนี้แต่อย่างใด

“อาตมภาพจึงขอร้องเรียนผ่านสื่อมวลชนทุกแขนง เพื่อขอให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ช่วยสั่งการดูแลให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูแลรักษาป่าฝั่งซ้ายห้วยศาลา โดยขอให้มีการยึดคืนพื้นที่ที่นายทุนยึดครองไปเอากลับมาเป็นของแผ่นดินเช่นเดิม รวมทั้งให้เอาผิดตามกฎหมายต่อนายทุนและผู้นำหมู่บ้านที่เข้าไปเผาป่าและตัดไม้หวงห้าม เพื่อให้ป่าชุมชนแห่งนี้กลับมาเป็นป่าชุมชนของชาวบ้านทุกคนเช่นเดิมต่อไป”

นายยอด ใจมนต์ อายุ 52 ปี อยู่บ้านเลขที่ 15 ม.12 บ้านเขาแดง ต.โคกตาล อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ กล่าวว่า ตนกับพวกได้ร่วมกับหลวงพ่อสถิต ในการเฝ้ารักษาป่าแห่งนี้เพื่อไม่ให้นายทุนเข้ามาบุกรุกป่า แต่ได้มีผู้นำท้องถิ่นคนหนึ่งเป็นแกนนำชาวบ้านในการเข้าไปบุกรุกป่าและรับจ้างจากนายทุนในการบุกรุกเข้าไปตัดไม้ในป่าเพื่อยึดครองเป็นของตัวเองและพวกพ้อง เมื่อมีการร้องเรียนพฤติกรรมไปยังส่วนราชการที่เกี่ยวข้องปรากฏว่าไม่มีส่วนราชการใดเข้ามาดูแล อีกทั้งพวกตนยังโดนข่มขู่เอาชีวิตเพื่อไม่ให้เข้าไปขัดขวางการบุกรุกป่าฝั่งซ้ายห้วยศาลา ซึ่งได้มีการแจ้งให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงทราบแล้ว แต่เรื่องทุกอย่างไม่มีความคืบหน้าในการดำเนินการ ทำให้ชาวบ้านที่ร่วมกันรักษาป่าฝั่งซ้ายห้วยศาลามีความหวาดกลัวกลุ่มนายทุนอิทธิพลเป็นอย่างมาก

“จึงขอเรียกร้องให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ทั้งฝ่ายความมั่นคง กองปราบปราม กองทัพภาคที่ 2 อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ และป่าไม้จังหวัดศรีสะเกษ ได้เข้ามาดูแลเรื่องนี้เพื่อยึดป่าคืนมาเป็นสมบัติของชุมชนและประเทศชาติอย่างจริงจังด้วย” นายยอดกล่าว







กำลังโหลดความคิดเห็น