ศูนย์ข่าวศรีราชา - ตำรวจสระแก้ว สนธิกำลังร่วมหน่วยเฉพาะกิจ ตำรวจตระเวนชายแดนที่ 12 และ 13 สกัดจับแก๊งลักลอบส่งแก๊สออกขายยังประเทศกัมพูชา ได้ของกลางถังแก๊สขนาดบรรจุ 48 กิโลกรัม จำนวน 101 ถัง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการสืบทราบของ พ.ต.ท.จัตุรัตน์ รัตนไชยศรี รอง ผกก.ฝ่ายสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้ว และหัวหน้าชุดปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับน้ำมันเชื้อเพลิง และก๊าชปิโตเลียมเหลวว่า จะมีขบวนการลักลอบส่งแก๊สออกขายยังประเทศกัมพูชาตามแนวชายแดนด้านอำเภอตาพระยา จังหวัดสระแก้ว จึงประสานไปยัง พ.ต.ท.กิจตัณศักดิ์ เกี๊ยวเพ็ง รองผู้บังคับการ หน่วยเฉพาะกิจตำรวจตระเวนชายแดนที่ 12 และ พ.ต.ท.ปริชาติ บรรจงปรุ รองผู้บังคับการ หน่วยเฉพาะกิจ ตำรวจตระเวนชายแดนที่ 13 ให้สนธิกำลังร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้ว รวม 20 นาย จัดชุดลาดตระเวนบริเวณท้ายหมู่บ้านเขาลูกช้าง หมู่ 14 ตำบลตาพระยา อำเภอตาพระยา จังหวัดสระแก้ว ก่อนถึงถนนศรีเพ็ญ 6 กิโลเมตร
กระทั่งพบรถอีแต๊กบรรทุก 6 ล้อ ไทยประดิษฐ์ จากอู่ ต.รุ่งเรือง อำเภอพิมาย ไม่ติดป้ายทะเบียน จำนวน 2 คันที่มีนายจับ จม อายุ 30 ปี และคันที่ 2 นายนับ ซา อายุ 25 ปี ชาวกัมพูชาเป็นคนขับ ลักษณะตรงตามที่สืบทราบ เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวเข้าตรวจค้น โดยพบถังบรรจุแก๊สในรถอีแต๊กคันที่ 1 จำนวน 45 ถัง ส่วนคันที่ 2 จำนวน 56 ถัง ขนาดบรรจุถังละ 48 กิโลกรัม รวมจำนวน 101 ถัง
เมื่อเจ้าหน้าที่ขอดูเอกสารการขนย้ายกลับไม่ปรากฏ จึงทำการจับกุม และยึดถังแก๊ส พร้อมรถบรรทุกทั้ง 2 คัน มาตรวจสอบขยายผลที่สถานีตำรวจภูธรตาพระยา และนำตัวส่งเจ้าหน้าที่พนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
โดยนายจับ จม สารภาพว่า ขบวนการดังกล่าวได้มีชายไทยไม่ทราบชื่อ ว่าจ้างให้ตนและเพื่อนขับรถดังกล่าวขนสินค้าไปยังฝั่งกัมพูชา แต่ไม่ทราบว่าเป็นสิ่งของผิดกฎหมาย โดยจะได้รับค่าจ้างครั้งละ 200 บาท และชายไทยคนดังกล่าวได้ซื้อโทรศัพท์มือถือให้ตน และเพื่อนคนละ 1 เครื่อง เพื่อโทรศัพท์แจ้งให้ไปรับสินค้าตามจุดต่างๆ ตามที่นัดหมาย และครั้งนี้ได้รับคำสั่งให้ขับรถอีแต๊กไปยังป่ายูคาลิปตัสใกล้กับบ้านเขาลูกช้าง โดยอ้างว่าทั้ง 2 ได้รับจ้างขนเป็นครั้งแรก แต่ยังไม่ทันข้ามไปฝั่งกัมพูชาก็ถูกเจ้าหน้าที่จับได้เสียก่อน