ลำปาง - ดีเอสไอดอดลงพื้นที่ลำปางตรวจสอบผืนป่าสงวนแม่เมาะแปลง 2 หลังชาวบ้านร้องถูกนายทุน-นักการเมืองท้องถิ่นฮุบ พร้อมเตรียมตรวจวัดพิกัดจริงอีกครั้งวันนี้ (20 พ.ย.)
รายงานข่าวจากจังหวัดลำปางแจ้งว่า เจ้าหน้าที่ดีเอสไอ พร้อมด้วยตัวแทนกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและสุขภาพจังหวัดลำปาง นำโดยนายบุญสม ชมพูมิ่ง ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ร้องเรียนไปยังดีเอสไอให้รับเรื่องการบุกรุกพื้นที่ป่าแม่เมาะแปลง 2 เป็นคดีพิเศษไปแล้วนั้น ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบบริเวณป่าสงวน (แม่เมาะแปลง 2) เป็นการเบื้องต้นเมื่อเย็นวานนี้ (19 พ.ย.) เพื่อดูแนวเขตตามแผนที่ ก่อนที่จะนำเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบและวัดพิกัดจริงของป่าสงวน (แม่เมาะแปลง 2) ให้ชัดเจนอีกครั้งในวันนี้ (20 พ.ย.)
นายบุญสมกล่าวว่า ป่าสงวนแม่เมาะแปลง 2 ซึ่งอยู่ในเขตพื้นที่ 4 ตำบล ประกอบด้วย ตำบลบ่อแฮ้ว ตำบลบ้านเป้า ตำบลต้นธงชัย และตำบลบ้านเอื้อม อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง เดิมอยู่ระหว่างการดำเนินงาน 3 ส่วน คือ 1. พื้นที่ที่ราษฎรครอบครองโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ให้เช่า
2. ที่ดินของมูลนิธิสุขสะอาดปิยะวรรณ อ้างว่าจะนำไปปลูกป่า ครม.มีมติให้เป็นป่าส่วนกลางที่ใช้ประโยชน์ร่วมกัน และ 3. ที่ของ บจก.วนชัย เช่าสัมปทานปลูกอ้อย แต่บริษัทไม่ได้ดำเนินการให้พื้นที่ดังกล่าวเป็นที่สาธารณะ ซึ่งทั้ง 3 ส่วนอยู่ในพื้นที่ป่าแม่เมาะแปลง 2 รวม 22,400 ไร่ จากทั้งหมด 53,000 ไร่
จากนั้นได้ให้คณะกรรมการฯ ตรวจสอบว่า ในพื้นที่ที่เป็นป่าแม่เมาะแปลง 2 ทั้งหมดรวมพื้นที่ 53,000ไร่ และเป็นพื้นที่ที่จะต้องเป็นป่าชุมชนจำนวน 22,400 ไร่ต้องให้ผู้ครอบครองออกนอกพื้นที่เพื่อให้ชุมชนใช้ประโยชน์ร่วมกัน ส่วนที่อยู่นอกเหนือให้เร่งออกโฉนดให้ชาวบ้านให้แล้วเสร็จ ซึ่งส่วนนี้ได้ดำเนินการออกโฉนดไปแล้วกว่า80% จนถึงขณะนี้ก็ยังดำเนินการยังไม่แล้วเสร็จ
แต่ชาวบ้านพบว่ามีนายทุน นักการเมืองท้องถิ่นบางรายเข้าครอบครองพื้นที่ป่าสงวน เข้าไปตัดไม้จนโล่งเตียน และปลูกต้นยาง บางรายก็ขายให้คนต่างถิ่นเข้ามาทำไร่ บางส่วนยังได้แอบให้นำขยะมาทิ้งในพื้นที่อีกด้วย
จากการตรวจสอบล่าสุดของกรมที่ดินปรากฏว่า พื้นที่ที่แท้จริงที่จะต้องยึดคืนกลับมาเป็นป่าส่วนกลางที่ประชาชนใช้ประโยชน์ร่วมกัน จากเดิม 22,400 ไร่ เพิ่มเป็น 28,000ไร่ ครอบคลุม 3 ตำบล คือ ตำบลบ้านเอื้อมประมาณ 8,000 ไร่ ตำบลต้นธงชัยประมาณ 10,000 ไร่ และตำบลบ้านเป้าประมาณ 10,000 ไร่
ทั้งนี้ เนื่องจากผู้ที่ครอบครองปัจจุบันได้เข้าครอบครองหลังปี 2513 ดังนั้นจึงยังคงเป็นป่าสงวนแม่เมาะแปลง 2 ไม่สามารถออกโฉนดได้ แต่จนถึงขณะนี้ผู้ที่ครอบครองอยู่ก่อนหน้านี้ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะคืนพื้นที่ให้ภาครัฐ แต่กลับมีการปักหมุดทำรั้วแบ่งเขตเป็นสัดส่วนเพิ่มขึ้นอีก และบางรายยังมีการลงพืชเศรษฐกิจอย่างเป็นล่ำเป็นสันอีกด้วย
