พิจิตร - ชลประทานเมืองชาละวันดึง อบจ. พร้อมกำนัน-ผญบ.-ตัวแทนผู้ใช้น้ำ 12 อำเภอเข้าห้องแจงครั้งใหญ่แผนจ่ายน้ำแล้งนี้ ย้ำปีนี้ 3 เขื่อนใหญ่มีน้ำน้อยกว่าปีกลายเกือบเท่าตัว มีน้ำจ่ายให้ทุ่งนาเขตชลประทานพิจิตรแค่ 70% นอกเขตฯ ต้องหาน้ำสำรองเอง
วันนี้ (9 พ.ย.) นายประเวศน์ ศิริศิลป์ ผอ.โครงการชลประทานจังหวัดพิจิตร, นายปรีชา สุขกล่ำ ผอ.โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาดงเศรษฐี, ผอ.โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาพลายชุมพล พร้อมด้วยนายชาติชาย เจียมศรีพงษ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดพิจิตร ได้ประชุมร่วมกับตัวแทนกลุ่มผู้ใช้น้ำ และกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ตลอดจนผู้นำปกครองส่วนท้องถิ่นในจังหวัดพิจิตรทั้ง 12 อำเภอ รวมแล้วเกือบ 200 คน เพื่อวางแนวทางแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำทำนา และมาตรการป้องกันเกษตรกรแย่งน้ำทำนาปรัง
ทั้งนี้ เนื่องจากขณะนี้ชาวนาทั้งในเขตชลประทานและนอกเขตชลประทาน เมื่อเก็บเกี่ยวผลผลิตข้าวนาปีแล้วเสร็จจะเร่งทำการปลูกข้าวนาปรังรอบใหม่ทันที รวมถึงมีการเพิ่มพื้นที่ทำนามากขึ้นจากที่เคยปลูกอ้อยก็หันมาทำนา จากที่เคยปลูกส้มก็โค่นต้นส้มทิ้ง แล้วเปลี่ยนจากสวนไม้ผลมาทำเป็นนาข้าว จากที่เคยมีคนทำนาปรังประมาณ 3 แสนไร่ก็คาดว่าจะมีการทำนาปรังกันเพิ่มขึ้นอีกเป็น 5 แสนไร่ เนื่องจากราคารับจำนำข้าว 15,000 บาทเป็นแรงจูงใจ เกรงว่าจะเป็นเหตุให้เปิดศึกแย่งน้ำ
ชลประทานจังหวัดพิจิตรได้ชี้แจงต่อตัวแทนกลุ่มผู้ใช้น้ำถึงสถานการณ์ต้นทุนของน้ำ ที่ขณะนี้น้ำเหนือเขื่อนที่เป็นที่พึ่งของชาวนาพิจิตรทั้ง 3 แห่ง คือ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน, เขื่อนสิริกิติ์, เขื่อนภูมิพล ล้วนมีปริมาณน้ำต้นทุนเพื่อการทำนาน้อยกว่าปีที่แล้วเกือบ 1 เท่าตัว
ดังนั้น พื้นที่ทำนาในเขตชลประทานพิจิตรที่มีประมาณ 3 แสนกว่าไร่ เดิมเคยได้รับน้ำอุดมสมบูรณ์เฉลี่ยได้น้ำกันทั่วหน้า ปีนี้จะได้น้ำแค่เพียง 70% ของพื้นที่ ส่วนพวกที่อยู่ปลายคลองส่งน้ำอาจต้องประสบปัญหา
ชลประทานพิจิตรได้แจ้งระเบียบการจ่ายน้ำว่า จะเริ่มจ่ายน้ำให้รอบเวรแรกในวันที่ 26 พ.ย. 2555-31 มี.ค. 56 ซึ่งจะมีคลองส่งน้ำที่เข้าอยู่ในระเบียบรอบเวรการจ่ายน้ำแบบจ่ายให้ 14 วัน หยุด 14 วัน รวมทั้งสิ้น 33 คลอง โดยคลองเส้นหลักคือคลอง C.1 จะจ่ายน้ำเข้าคลองสาขาตั้งแต่คลอง C.76 - C.108 ในพื้นที่ชลประทาน 119,697 ไร่ ส่วนเกษตรกรที่ทำนาปรังต้องมีน้ำสำรองในบ่อน้ำหรือมีบ่อน้ำบาดาลจากใต้ดิน
