พิจิตร - เครือข่ายรถเกี่ยวข้าวเมืองชาละวัน ร่วมหารือนายก อบจ.พิจิตร เตรียมรวมกลุ่มตั้งเป็น “นิติบุคคล” เปิดช่องทางเข้าถึงแหล่งทุนพัฒนาอุตสาหกรรมรถเก็บเกี่ยวผลผลิตทางการเกษตร พร้อมเตรียมเปิดสนามกีฬาจังหวัดฯ จัดมหกรรม “งานรถเกี่ยวไทย” ต้นปี 56 โชว์เทคโนโลยีรับการแข่งขันใน AEC
นายชาติชาย เจียมศรีพงษ์ นายก อบจ.พิจิตร เปิดเผยว่า พิจิตร มีพื้นที่ทำนาปลูกข้าวนากว่า 2.2 ล้านไร่ แต่ละปี จะได้ผลผลิตทั้งข้าวนาปี-นาปรังเกือบ 5 ล้านตัน ซึ่งในพื้นที่ชลประทานหลายแห่งสามารถทำนาได้ 2 ปี 7 ครั้ง ดังนั้น การเก็บเกี่ยวผลผลิตจึงต้องพึ่งเครื่องจักรกล เนื่องจากแรงงานภาคการเกษตรปัจจุบันเริ่มขาดแคลน จึงทำให้รถเกี่ยวข้าวเข้ามามีบทบาทมากขึ้น จนเกิดผู้ประกอบการรถรับจ้างเกี่ยวข้าวที่มีการรวบรวมตั้งเป็นกลุ่ม และเครือข่ายได้อย่างเหนียวแน่นมานานถึง 4 ปี รวมแล้วเกือบ 700 คัน สามารถสร้างงาน-เม็ดเงินหมุนเวียนในภาคการเกษตรนับพันล้านบาทต่อปี เพราะรถรับจ้างเกี่ยวข้าวเหล่านี้ รับจ้างเกี่ยวข้าวในราคาไร่ละเฉลี่ยประมาณ 500 บาท/ไร่ แต่ที่ผ่านมา ยังไม่มีองค์กรใดๆ มาสนับสนุนกันอย่างจริงจัง ทั้งด้านวิชาการ และการพัฒนาเครือข่าย
ดังนั้น ทาง อบจ.พิจิตร จึงได้หารือกับนายวิเชียร นวลคำ ประธานชมรมรถเกี่ยวในโซนใต้ 6 อำเภอ ได้แก่ อ.ตะพานหิน-บางมูลนาก-โพทะเล-บึงนาราง-ดงเจริญ-ทับคล้อ นายชูเชิด เพชรไทย ประธานชมรมรถเกี่ยวข้าวในโซนเหนือ ได้แก่ อ.เมือง-สามง่าม-โพธิ์ประทับช้าง-วชิรบารมี-สากเหล็ก-วังทรายพูน รวมถึงแกนนำอีกหลายคน จนมีมติเห็นพ้องกันว่า จะจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล “วิสาหกิจชุมชน” รวมกลุ่มพัฒนางานด้านวิชาการ และเทคโนโลยีใหม่ๆ รวมถึงให้สมาชิกเข้าถึงแหล่งเงินกู้ แหล่งทุน
เพื่อนำมาเป็นทุนพัฒนาเครื่องจักรกลรถเกี่ยวข้าว รถเกี่ยวอ้อย รถเกี่ยวข้าวโพด รถเกี่ยวถั่ว ให้ทันสมัยอยู่เสมอ ลดการสูญเสียผลผลิตระหว่างเก็บเกี่ยว ไม่ให้เกิน 3% เพราะที่ผ่านมา รถเกี่ยวข้าวรุ่นเก่าจะสร้างความเสียหายในขณะเก็บเกี่ยวมากถึง 7-10% จึงทำให้เพิ่มต้นทุนของเกษตรกร
“การรวมกลุ่มจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลของรถเกี่ยวข้าวทั่วพิจิตร น่าจะเกิดขึ้นในเร็ววันนี้แน่นอน”นายชาติชายกล่าว
ด้านนายวิเชียร นวลคำ ปธ.ชมรมรถเกี่ยวข้าวโซนใต้ กล่าวว่า ในวันเสาร์ที่ 26 ม.ค.56 ชมรมรถเกี่ยวข้าว และผู้ประกอบการผู้ผลิตรถเกี่ยวของไทย จะจัดงานมหกรรม “งานรถเกี่ยวไทย” ที่สนามกีฬาจังหวัดพิจิตร ซึ่งในงานดังกล่าว จะรวบรวมทุกองค์ประกอบที่เกี่ยวข้องกับรถเกี่ยวมาให้ชาวนาไทย และผู้ประกอบการได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ เพื่อพัฒนาเข้าสู่ระบบสากลที่ประเทศไทยจะเข้าสู่กลุ่มประเทศอาเซียนในปี 2558 ซึ่งจะเจอกับคู่แข่งมากมาย ถ้าไม่เตรียมพร้อมตั้งแต่วันนี้ พอถึงวันนั้นก็จะกลับตัวไม่ทันแน่นอน
