ลำปาง - พังทองคำวัย 10 ปีอาการดีขึ้นหลังป่วยจากการกินหญ้าปนเปื้อนยาฆ่าแมลงไปสะสมในร่างกายเป็นจำนวนมาก จนปากเปื่อยและอักเสบอย่างรุนแรง ล่าสุดทีมสัตวแพทย์ยังต้องเฝ้าติดตามผลตรวจเลือดอีกครั้งว่าสารพิษได้เจือจางไปหรือยัง
ที่โรงพยาบาลช้างของมูลนิธิเพื่อนช้าง อ.ห้างฉัตร จ.ลำปาง หลังจากทีมสัตวแพทย์ให้การรักษา พังทองคำ อายุ 10 ปี ซึ่งเจ้าของที่เป็นชาวไทยภูเขาในหมู่บ้านทุ่งต้นงิ้ว หมู่ 11 ต.แม่ตื่น อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ นำมารักษาอาการอักเสบที่บริเวณช่องปากหลังปล่อยให้ช้างหากินเองตามธรรมชาติ และช้างได้ไปกินหญ้าพืชผักที่ปนเปื้อนยาฆ่าแมลงที่ฝนได้ชะล้างมากับหน้าดิน และมาสะสมอยู่ตามใบไม้และพืชผักจนสารพิษไปสะสมในร่างกาย ทำให้ช้างพังทองคำเกิดแผลในปาก อ้าปากไม่ได้ กินอาหารไม่ได้ร่วม 7 วัน ควาญจึงรีบนำตัวเข้ารักษาที่โรงพยาบาลช้างของมูลนิธิเมื่อวันที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมา
ล่าสุดขณะนี้อาการเริ่มดีขึ้น พังทองคำสามารถอ้าปากได้เล็กน้อยแต่ไม่กว้างมากนัก แต่ยังไม่สามารถกินอาหารเองได้แม้แต่กล้วยที่เป็นอาหารอ่อนและเป็นอาหารที่ช้างชื่นชอบก็ไม่สามารกินเองได้ ซึ่งทีมสัตวแพทย์ต้องนำข้าวเหนียวมาคลุกผสมกับน้ำตาลอ้อย และปั้นเป็นก้อนยัดเข้าไปในปากช้างแทนการให้อาหารชนิดอื่น
จากนั้นควาญช้างก็นำน้ำมาให้ช้างโดยผ่านสายยางสอดเข้าปากช้าง เนื่องจากช้างยังไม่สามารถดูดน้ำจากทางงวงได้ ส่วนกล้วยควาญช้างได้นำไปคลุกกับเกลือเม็ดและนำมาป้อนให้ช้าง เพื่อให้เกลือซึ่งมีคุณสมบัติการรักษาแผลสดช่วยรักษาอีกทางหนึ่ง
ด้านนายสัตวแพทย์ปรีชา พวงคำ ผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์และผู้ร่วมก่อตั้งมูลนิธิเพื่อนช้าง เปิดเผยว่า หลังช้างเชือกนี้มาถึงก็ได้ให้การตรวจรักษาตามอาการ โดยให้สารน้ำเกลือวันละ 20 ลิตร และเสริมวิตามิน พร้อมทั้งฉีดยาปฏิชีวนะ เนื่องจากว่าช้างไม่กินอาหารและน้ำมาหลายวันทำให้ช้างซูบผอม
จากการตรวจสอบร่างกายพบว่า แผลที่ช่องปากของช้างซึ่งเกิดการอักเสบและบวม ทำให้ช้างไม่สามารถอ้าปากได้
ทีมสัตวแพทย์สันนิษฐานว่า ช้างคงจะไปกินหญ้าที่ปนเปื้อนสารเคมีหรือยาฆ่าแมลง จนทำให้ช่องปากเกิดการอักเสบบวม ซึ่งต้องใช้เวลาในการรักษาพอสมควร แต่ในขณะนี้ทีมสัตวแพทย์สามารถควบคุมการอักเสบในช่องปากได้แล้ว คือกลิ่นในปากเริ่มลดลงและอ้าปากได้บ้างแล้วแต่ก็ยังน่าเป็นห่วงจึงต้องดูแลอย่างใกล้ชิด ส่วนสารพิษปนเปื้อนที่ช้างกินเข้าไปนั้นจะยังตกค้างอยู่ในร่างกายหรือไม่ ซึ่งต้องรอผลการตรวจเลือดที่ส่งไปตรวจก่อน
