พะเยา - กำนัน อ.ปง จ.พะเยา รณรงค์ชาวบ้านผาช้างน้อยทำป่าชุมชน วางแนวปลูกพืชเศรษฐกิจลดพื้นที่ปลูกข้าวโพดรอบ “ภูลังกา” อบต.รอบข้างเฮ พร้อมประสาน “ไพโรจน์” หนุนงบฯ ทำศูนย์เพาะต้นกล้า “ยางพารา-กาแฟ”
วันนี้ (11 ต.ค.) นายอุ่งโหล ศรีสมบัติ กำนัน ต.ผาช้างน้อย อ.ปง จ.พะเยา กล่าวว่า เนื่องจากพื้นที่ทำกินส่วนใหญ่ของประชาชนชาว ต.ผาช้างน้อยเป็นที่ราบเชิงเขา ประชาชนนิยมทำอาชีพเกษตรกรรมด้วยการปลูกข้าวโพด แต่เนื่องจากพื้นที่ผาช้างน้อย โดยเฉพาะดอยภูลังกาคือพื้นที่ต้นน้ำของแม่น้ำยม
ดังนั้น ทางหมู่บ้านใน ต.ผาช้างน้อยจึงมีการกันพื้นที่ป่าใกล้หมู่บ้านเป็นเขตพื้นที่ป่าชุมชนไม่ต่ำกว่า 100 ไร่ เพื่อให้ชาวบ้านได้เข้าไปใช้ประโยชน์เรื่องพืชสมุนไพร และรักษาต้นไม้ใหญ่ไม่ให้ถูกทำลาย
ขณะที่พื้นที่ทำกินยังเป็นสวนข้าวโพดนั้น ตนได้เคยทดลองปลูกต้นกาแฟ และอะโวคาโด ซึ่งพบว่าได้ผลดีน่าพอใจ แต่เนื่องจากที่ผ่านมาหน่วยงานราชการบางแห่งส่งเสริมการปลูก แต่ไม่ได้ส่งเสริมหรือจัดหาเรื่องตลาดรับซื้อผลผลิตกาแฟให้ ทำให้เกษตรกรปลูกกาแฟได้เลิกล้มไป เหลือของตนเพียง 100 ต้นเท่านั้น ซึ่งขณะนี้ก็ให้ผลผลิตแล้ว
กำนัน ต.ผาช้างน้อยกล่าวต่อว่า ขณะนี้ตนได้ประสานงานไปยังกลุ่มนักการตลาดเรื่องกาแฟ แมคคาเดเมีย และยางพารา ทำให้ได้มองเห็นช่องทางการผลิตและจำหน่ายกาแฟได้แล้ว จึงมีแผนกลับมาทำสวนกาแฟเพื่อทดแทนสวนข้าวโพดอีกครั้งหนึ่ง โดยรายได้จากการขายกาแฟดิบที่เก็บเกี่ยวแล้ว กก.ละไม่ต่ำกว่า 100 บาท ขณะที่ข้าวโพด กก.ละ 2-6 บาท บางปีต้องปิดถนนประท้วงเพราะข้าวโพดราคาตกต่ำ แต่หากเป็นกาแฟสามารถเก็บค้างปีไว้ได้และไม่เสื่อมคุณภาพ เพราะน้ำมันหอมในกาแฟจะบ่มเพาะตัวมันเองให้มีความกลมกล่อมยิ่งขึ้น ที่สำคัญ การปลูกกาแฟจะช่วยรักษาป่าไม่ให้ถูกไฟป่าเผา เพราะชาวบ้านมีพืชเศรษฐกิจที่ต้องดูแล
ด้านนายอนุรักษ์ โปร่งสุยา รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ออย อ.ปง จ.พะเยา กล่าวเสริมว่า แนวทางการรักษาป่าต้นน้ำยมด้วยการอนุรักษ์ทำพื้นที่ป่าชุมชนในหลายหมู่บ้านของ ต.ผาช้างน้อย ถือเป็นเรื่องดีอย่างมาก
ขณะเดียวกันต้องมีการปรับเปลี่ยนพื้นที่การเกษตรที่เป็นสวนข้าวโพดตามบริเวณที่ราบเชิงเขาให้ลดน้อยลง โดยนำพืชเศรษฐกิจที่มีระบบรากแก้วแข็งแรงมาปลูกทดแทนเพื่อทั้งมูลค่าทางเศรษฐกิจ และพื้นที่ป่าไม่ให้ถูกทำลาย
วันนี้ (11 ต.ค.) นายอุ่งโหล ศรีสมบัติ กำนัน ต.ผาช้างน้อย อ.ปง จ.พะเยา กล่าวว่า เนื่องจากพื้นที่ทำกินส่วนใหญ่ของประชาชนชาว ต.ผาช้างน้อยเป็นที่ราบเชิงเขา ประชาชนนิยมทำอาชีพเกษตรกรรมด้วยการปลูกข้าวโพด แต่เนื่องจากพื้นที่ผาช้างน้อย โดยเฉพาะดอยภูลังกาคือพื้นที่ต้นน้ำของแม่น้ำยม
ดังนั้น ทางหมู่บ้านใน ต.ผาช้างน้อยจึงมีการกันพื้นที่ป่าใกล้หมู่บ้านเป็นเขตพื้นที่ป่าชุมชนไม่ต่ำกว่า 100 ไร่ เพื่อให้ชาวบ้านได้เข้าไปใช้ประโยชน์เรื่องพืชสมุนไพร และรักษาต้นไม้ใหญ่ไม่ให้ถูกทำลาย
ขณะที่พื้นที่ทำกินยังเป็นสวนข้าวโพดนั้น ตนได้เคยทดลองปลูกต้นกาแฟ และอะโวคาโด ซึ่งพบว่าได้ผลดีน่าพอใจ แต่เนื่องจากที่ผ่านมาหน่วยงานราชการบางแห่งส่งเสริมการปลูก แต่ไม่ได้ส่งเสริมหรือจัดหาเรื่องตลาดรับซื้อผลผลิตกาแฟให้ ทำให้เกษตรกรปลูกกาแฟได้เลิกล้มไป เหลือของตนเพียง 100 ต้นเท่านั้น ซึ่งขณะนี้ก็ให้ผลผลิตแล้ว
กำนัน ต.ผาช้างน้อยกล่าวต่อว่า ขณะนี้ตนได้ประสานงานไปยังกลุ่มนักการตลาดเรื่องกาแฟ แมคคาเดเมีย และยางพารา ทำให้ได้มองเห็นช่องทางการผลิตและจำหน่ายกาแฟได้แล้ว จึงมีแผนกลับมาทำสวนกาแฟเพื่อทดแทนสวนข้าวโพดอีกครั้งหนึ่ง โดยรายได้จากการขายกาแฟดิบที่เก็บเกี่ยวแล้ว กก.ละไม่ต่ำกว่า 100 บาท ขณะที่ข้าวโพด กก.ละ 2-6 บาท บางปีต้องปิดถนนประท้วงเพราะข้าวโพดราคาตกต่ำ แต่หากเป็นกาแฟสามารถเก็บค้างปีไว้ได้และไม่เสื่อมคุณภาพ เพราะน้ำมันหอมในกาแฟจะบ่มเพาะตัวมันเองให้มีความกลมกล่อมยิ่งขึ้น ที่สำคัญ การปลูกกาแฟจะช่วยรักษาป่าไม่ให้ถูกไฟป่าเผา เพราะชาวบ้านมีพืชเศรษฐกิจที่ต้องดูแล
ด้านนายอนุรักษ์ โปร่งสุยา รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ออย อ.ปง จ.พะเยา กล่าวเสริมว่า แนวทางการรักษาป่าต้นน้ำยมด้วยการอนุรักษ์ทำพื้นที่ป่าชุมชนในหลายหมู่บ้านของ ต.ผาช้างน้อย ถือเป็นเรื่องดีอย่างมาก
ขณะเดียวกันต้องมีการปรับเปลี่ยนพื้นที่การเกษตรที่เป็นสวนข้าวโพดตามบริเวณที่ราบเชิงเขาให้ลดน้อยลง โดยนำพืชเศรษฐกิจที่มีระบบรากแก้วแข็งแรงมาปลูกทดแทนเพื่อทั้งมูลค่าทางเศรษฐกิจ และพื้นที่ป่าไม่ให้ถูกทำลาย