xs
xsm
sm
md
lg

รอง ผบช.ภ.7 ลงเพชรบุรีสอบพยานคดี “หมอสุพัฒน์” เพิ่มอีกคน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เพชรบุรี - รอง ผบช.ภ.7 ลงพื้นที่เพชรบุรี สอบพยานเพิ่มอีกคนเป็นชาวพม่าที่เคยทำงานอยู่ในไร่ “หมอสุพัฒน์” ขณะที่พยานแฉโดนซ้อมจนสลบและถูกอาวุธปืนข่มขู่ พร้อมชี้จุดที่เกิดเหตุ เผยตำรวจเตรียมแจ้งข้อหาฆ่าคนตายโดยเจตนากับ “หมอสุพัฒน์” ส่วน "กะลา" คนงานพม่าโดนด้วยฐานร่วมกันฆ่าคนตายโดยเจตนา

เมื่อเวลา 14.20 น.วันนี้ (10 ต.ค.) พล.ต.ต.วิทยา ประยงค์พันธ์ รอง ผบช.ภ.7 เดินทางมาที่ สภ.ท่าไม้รวก อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี เพื่อติดตามความคืบหน้าของคดีทั้งหมดของ พ.ต.อ.นายแพทย์สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ ผู้ต้องหากันกักขังหน่วงเหนี่ยวทำให้ผู้อื่นเสียอิสระภาพ ลักทรัพย์หรือลักของโจร ซึ่งได้เข้าร่วมรับฟังข้อมูลเกี่ยวกับคดีจาก พ.ต.อ.พิชัย ปกป้อง ผกก.สภ.ท่าไม้รวก และส่วนเกี่ยวข้อง

และในเวลา 15.00 น.เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำพยานอีก 1 ปาก คือ นายซอแงเล หรือนายโย่ง อายุ 24 ปี เป็นชาวพม่าเชื้อชาติกะเหรี่ยง ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีของ พ.ต.อ.นายแพทย์สุพัฒน์ ถูกนำมาสอบปากคำภายในห้องควบคุมการสั่งการ สภ.ท่าไม้รวก โดยมี พล.ต.ต.วิทยา ประยงค์พันธ์ รอง ผบช.ภ.7 เป็นผู้สอบปากคำเอง

สำหรับนายโย่ง เคยเป็นคนงานทำงานอยู่ในไร่ของ พ.ต.อ.นายแพทย์สุพัฒน์ เมื่อประมาณหลายปีก่อน โดยนายโย่ง ได้ให้ปากคำต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า เป็นคนงานของ พ.ต.อ.นายแพทย์สุพัฒน์ แต่ไม่เคยได้รับเงินเดือนเลย และยังมีคนงานชาวพม่าชาวกะเหรี่ยงอยู่ด้วยอีก 2-3 คน โดยจะมีภรรยาของหมอคือ น.ส.วิลสา จันทรบัญชร เป็นคนดูแลเรื่องความเป็นอยู่ของคนงานภายในไร่ และคนงานทุกคนมักจะเข้าไปดูทีวีในห้องของ น.ส.วิลสา เป็นประจำ

ต่อมาวันหนึ่ง หมอมาพบคนงานคือ นายตั้น หรือต้น หรืออีต้า เพื่อนคนงานชาวกะเหรี่ยงอีกคน ซึ่งหน้าตาดีนอนดูทีวีอยู่ในห้องของ น.ส.วิลสา โดยหมอเกิดความไม่พอใจต่อว่าจน น.ส.วิลสา หนีหายไปหลายวัน ยิ่งเพิ่มความโกรธแค้นคิดว่าเมียแอบมีอะไรกับคนงาน จากนั้นหมอกับนายกะลาได้ไปเรียกนายต้าที่นอนอยู่กับนายโย่งในห้อง นำตัวออกมาซ้อม และทรมานรัดคอด้วยเชือก โดยหมอถือปืนยาวคอยข่มขู่ และมีนายกะลาช่วยจับตัวไว้

“นายโย่งบอกว่า วันนั้นทั้งตัวเอง และนายต้า ถูกซ้อมจนสลบคากองข้าวโพด เมื่อฟื้นเห็นนายต้ายังสลบอยู่ นายโย่งจึงหนีไปขอความช่วยเหลือจากเพื่อนคนงานที่อยู่กับนายจ้างอีกไร่หนึ่งที่อยู่ติดกันกับไร่หมอ จากนั้นก็หนีกลับพม่าเพราะกลัวถูกฆ่า แล้วก็ไม่รู้ชะตากรรมของนายต้าอีก” และหลังจากนั้นอีก 2 ปี นายโย่งกลับเข้าไทยอีกครั้งและไปทำงานอยู่ที่พระสมุทรเจดีย์ จนเจ้าหน้าที่ไปพบตัว และเชิญมาให้เป็นพยาน และถือว่านายโย่งเป็นผู้เสียหายถูกหมอทำร้ายร่างกายเพราะคดีก็ยังไม่หมดอายุความ

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ขณะนี้ พล.ต.ต.วิทยา ประยงค์พันธ์ รอง ผบช.ภ.7 ยังคงสอบปากคำนายโย่งอยู่ภายในห้อง และยังไม่ได้ออกมาให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับการสอบสวนว่ามีความคืบหน้ามากน้อยเพียงใด ซึ่งจะรายงานความคืบหน้าให้ทราบต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมอีกว่า หลังจากที่ พล.ต.ต.วิทยา ประยงค์พันธ์ รอง ผบช.ภ.7 ได้ทำการสอบปากคำนายซอแงเล หรือ นายโย่ง อายุ 24 ปี ชาวพม่าเชื้อชาติกะเหรี่ยง พยานปากสำคัญรายล่าสุดที่หนีเอาชีวิตรอดไปได้ขณะที่กำลังจะถูกประทุษร้ายจาก พ.ต.อ.นายแพทย์สุพัฒน์ และนายกะลา โดยหลังจากใช้เวลานานกว่า 2 ชั่วโมงในการสอบปากคำที่ สภ.ท่าไม้รวก ก็ได้นำตัวนายโย่ง มาทำแผนชี้จุด ซึ่งเป็นคอกวัวและคอกม้าที่ปลูกสร้างอยู่ด้านหลังบ้านเลขที่ 65 หมู่ 2 ต.กลัดหลวง อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี ของ พ.ต.อ.นายแพทย์สุพัฒน์

โดยชี้จุดและแสดงท่าทางขณะที่ตนถูกนายกะลา ใช้ผ้ามารัดคอจนตัวเองสลบนอนอยู่บนพื้นดินภายในคอกวัวดังกล่าว รวมถึงแสดงท่าทางการนอนขณะที่ตนเองสลบและรู้สึกตัวขึ้นมา และพบว่าถูก พ.ต.อ.นายแพทย์สุพัฒน์ ใช้เท้าเยียบริเวณกลางหลังแล้วใช้ปืนยาวจ่อไว้ที่ศีรษะ ซึ่งขณะนั้นได้เกิดอาการตกใจรีบลุกขึ้นและวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็วเข้าไปทางด้านในของไร่อย่างไม่คิดชีวิต

พล.ต.ต.วิทยา ประยงค์พันธ์ รอง ผบช.ภ.7 เปิดเผยภายหลังว่า จากคำให้การของนายซอแงเล หรือ นายโย่ง ค่อนข้างแน่ชัดว่านายซอแงเล หรือนายโย่ง เป็นคนงานของคุณหมอ ที่เคยมาอยู่ที่ไร่นี้เมื่อปี พ.ศ.2547 โดยคุณหมอรับตัวมาจากอำเภอแม่สอด มาทำงานที่ไร่ประมาณเกือบปี จนกระทั่งถึงวันเกิดเหตุซึ่งนายโย่ง ได้นอนอยู่กับผู้ตายอยู่บนรถคือโครงกระดูกที่ 2 ที่ขุดพบและพบว่ามีรอยกระสุนถูกยิงที่บริเวณศีรษะของศพที่พบ

โดยคืนเกิดเหตุนายซอแงเล หรือนายโย่ง ได้นอนอยู่บนรถกับนายต้า แล้วถูกหมอมาปลุกลงไปพร้อมกัน โดยมีนายกะลา เป็นคนรัดคอเขาจนสลบไปและเมื่อรู้สึกตัวจนฟื้นขึ้นมาก็พบว่ามีปืนจ่อศีรษะอยู่ก็ตกใจและรีบวิ่งหนีเอาชีวิตรอด ในส่วนของเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เดินทางมาเพื่อดูจุดเกิดเหตุตามคำให้การของนายโย่ง

ส่วนสาเหตุที่เกิดเหตุการณ์ขึ้นนั้นเกิดจาก พ.ต.อ.นายแพทย์สุพัฒน์ ไม่พอใจนายต้า เรื่องที่สงสัยว่านายต้า ไปมีความสัมพันธ์กับ น.ส.วิลสา ภรรยาของตนเอง ส่วนใครเป็นคนยิงนั้นยังยืนยันข้อนี้ไม่ได้ เพราะคืนเกิดเหตุนายซอแงเล หรือนายโย่ง เห็นหมอเป็นผู้ถือปืนเพียงคนเดียวเท่านั้นและเชื่อว่าตัวเองจะต้องถูกฆ่าตายแน่ ๆ และเมื่อมีจังหวะก็ได้รับวิ่งหนีไป

ส่วนนายกะลา จะต้องเรียกตัวมาสอบปากคำเพิ่มเติมด้วย อีกทั้งการนำมาชี้จุดและแสดงท่าทางในครั้งนี้เพื่อประกอบกับคำให้การว่าสอดคล้องกับความเป็นจริงในสถานที่เกิดเหตุตามที่พยานให้การหรือไม่เขาจำได้หรือไม่ว่าขณะเกิดเหตุเป็นอย่างไร ใครอยู่บริเวณไหนเพื่อจะให้เป็นพยานหลักฐานที่ชัดเจนยิ่งขึ้น

ไม่ใช่เราฟังจากคำบอกเล่าและคำให้การของเขา ซึ่งจะต้องดูจากภาพความเป็นจริงกันด้วยว่าสอดรับกันไหม ซึ่งหลังจากที่สอบปากคำมาตลอดทั้งคืนแล้ว โดยนายซอแงเล ยืนยันว่าขณะเกิดเหตุกำลังหลับอยู่ก็ถูกปลุกขึ้นมาแล้วโดนรัดคอ พยายามฆ่า โดยผู้ต้องหาทั้งปวง ซึ่งในการดำเนินคดีนั้นเราก็ต้องดำเนินการตามผู้เสียหายให้การ รวมถึงผู้เสียหายรายอื่นอีกที่ได้พบโครงกระดูก ซึ่งผลการตรวจของแพทย์ก็ยืนยันแล้วว่าผู้ตายเป็นใคร ซึ่งตอนนี้ก็ได้รับแล้วก็จะดำเนินการต่อไป

โดยผู้ร่วมขบวนการนั้นมีจำนวนหลายคนซึ่งขอเวลาเจ้าหน้าที่ตำรวจรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม และเมื่อรายละเอียดพร้อมพยานหลักฐานแน่ชัดก็สามารถแจ้งข้อหาฆ่าคนตายโดยเจตนา กับ พ.ต.อ.นายแพทย์สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ ได้ในทันที ส่วนนายกะลานั้นจะต้องโดนข้อหาร่วมกันฆ่าคนตายโดยเจตนาเช่นกัน




กำลังโหลดความคิดเห็น