ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - จนท. “ปทส.” กว่า 50 นาย ร่วม ตำรวจและหน่วยงานเกี่ยวข้องในพื้นที่ บุกจับบ่อดูดทราย อ.พิมาย โคราช 3 รายรวด หลังถูกชาวบ้านร้องเรียนลอบดูดรุกล้ำลำน้ำจักราช ทำลายทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดล้อม สร้างความเดือดร้อนชาวบ้านมานาน เผยตรวจพบผิดจริง แต่เจ้าของไม่อยู่ สั่งยึดเครื่องจักร และให้หยุดกิจการดูดทรายชั่วคราว เพื่อตรวจสอบดำเนินคดี ก่อนสั่งปิด แฉบ่อทรายมีนักการเมืองใหญ่ “เพื่อแม้ว” หนุนหลัง
วันนี้ (10 ต.ค.) พล.ต.ต.นรศักดิ์ เหมนิธิ ผู้บังคับการกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ปทส.) พร้อมด้วย พ.ต.อ. ศิริพงษ์ เพ็ชรศิริรักข์ ผกก.3 บก.ปทส. , พ.ต.ท. สมคิด ทิพยจักรพงศ์ รอง ผกก.3.บก.ปทส. , พ.ต.ท. สาธิต ชวโนทัย รอง ผกก3.บก.ปทส. , พ.ต.ท. ชยุต รัตนาสินนอก พนักงานสอบสวนชำนาญงานการพิเศษ กก.3 บก.ปทส. , พ.ต.ต.ภฤศ ภาสว่าง สว.กก.3 บก.ปทส. และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ชุดปฏิบัติการ กก.3 บก.ปทส. รวม 50 นาย ร่วมกับ เจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ประกอบด้วย สำนักงานเขตอุตสาหกรรมจังหวัดนครราชสีมา , สำนักงานที่ดินจังหวัดนครราชสีมา สาขาพิมาย , สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขา นครราชสีมา, องค์การบริหารส่วนตำบลในเมือง อำเภอพิมาย , เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พิมาย จ.นครราชสีมา ได้นำหมายศาลอาญา เข้าทำการตรวจค้น สถานที่ประกอบการดูดทราย ตั้งอยู่ในพื้นที่ ต.ในเมือง อ.พิมาย จ.นครราชสีมา จำนวน 3 แห่ง ตามที่ประชาชนในพื้นที่ร้องเรียนขึ้นไป ซึ่งวันนี้กลุ่มประชาชนผู้เดือดร้อนได้มายืนถือป้ายให้กำลังเจ้าหน้าที่ด้วย
โดยคณะของ พล.ต.ต.นรศักดิ์ ได้เข้าตรวจสอบ บ่อทราย ของ หจก.“ท่าทรายทรัพย์พิมาย” ตั้งอยู่ใน หมู่ที่ 12 ต.ในเมือง อ. พิมาย จ. นครราชสีมา เป็นแห่งแรก แต่ไม่พบเจ้าของกิจการมีเพียงพนักงาน ที่ทำงานอยู่ในท่าทราย 8 คน เท่านั้น จากการสอบถามพนักงาน ทราบว่า เจ้าของกิจการเดินทางไปทำภารกิจที่กรุงเทพมหานคร และอยู่ระหว่างการเดินทางกลับ และไม่สามารถนำเอกสารใด ๆ มาแสดงให้เจ้าหน้าที่ดูได้
จากนั้นคณะของ พล.ต.ต.นรศักดิ์ ได้ลงเรือตรวจพื้นที่ประกอบกิจการดูดทรายบริเวณ ลำน้ำจักราชซึ่งพบมีการรุกล้ำพื้นที่ลำน้ำสาธารณะเข้าไปมาก พร้อมตั้งข้อหากับ ห้างหุ้นส่วนดังกล่าวว่า กระทำผิดพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การเดินเรือในน่านน้ำไทย มาตรา 117 ห้าม มิให้ผู้ใด ปลูกสร้าง อาคาร หรือ สิ่งอื่นใด ล่วงล้ำเข้าไปเหนือน้ำ ในน้ำ และ ใต้น้ำ ของ แม่น้ำลำคลอง บึง อ่างเก็บน้ำ ทะเลสาบ อันเป็นทางสัญจรของประชาชน หรือ ที่ประชาชนใช้ประโยชน์ ร่วมกัน หากผู้ใดฝ่าฝืนต้องระวังโทษ ปรับตั้งแต่ 5,000 บาท ถึง 50,000 บาท และ ให้เจ้าท่าสั่งหยุดการกระทำดังกล่าว และมีความผิดตาม พ.ร.บ. โรงงาน พ.ศ. 2535 รวมถึง พ.ร.บ. การขุดดินและถมดินพ.ศ. 2543 และ ผิดประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ.2493
ทั้งนี้ในเบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการอายัดเครื่องจักร ทั้งหมด พร้อมออกหมายเรียก ผู้ประกอบการมาให้ปากคำและรับทราบข้อกล่าวหา
พล.ต.ต.นรศักดิ์ เหมนิธิ ผู้บังคับการกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ปทส.) เปิดเผยว่า การเดินทางลงพื้นที่ของเจ้าหน้าที่ในครั้งนี้ สืบเนื่องมาจาก ปทส. ได้รับเรื่องร้องเรียนจากชาวบ้าน ในหมู่ ที่ 8, 9,10, 11, 12 และหมู่ 18 ต.ในเมือง อ.พิมาย จ.นครราชสีมา ว่า ได้รับความเดือดร้อน จากกรณีที่ผู้ประกอบการได้ทำการดูดทรายในที่ดินกรรมสิทธิ์ ซึ่งตั้งอยู่ติดกับลำน้ำจักราช หรือ ลำน้ำวังหิน แหล่งน้ำสาธารณะประโยชน์ และยังก่อให้เกิดความเสียหาย ต่อทรัพยากรธรรมชาติ และ สิ่งแวดล้อม ที่สำคัญน้ำที่ใช้ผลิตทำน้ำประปาหมู่บ้านไม่สะอาดปนเปื้อนคราบน้ำมัน ถนนที่ใช้สัญจรไปมา กว่า 6 กิโลเมตร (กม.) พังเสียหาย เป็นหลุมเป็นบ่อ เนื่องมาจาก รถสิบล้อบรรทุกทรายวิ่งไปมาตลอดทั้งวัน
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ทำการอายัดเครื่องจักรทั้งหมดไว้ตรวจสอบ พร้อมทั้งสั่งให้หยุดกิจการเป็นการชั่วคราว เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง ทั้งนี้หากพบว่า ผู้ประกอบการดังกล่าวผิดจริง ก็จะสั่งปิดกิจการต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า จากนั้นคณะของ พล.ต.ต.นรศักดิ์ ได้เดินทางไปตรวจสอบ บ่อทรายของ หจก. “พิมายทรายทอง” และ ตรวจสอบบ่อทรายของ หจก. เสรีภัณฑ์ ที่ตั้งอยู่ใน ต.ในเมือง อ.พิมาย จ.นครราชสีมา เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงและหากพบความผิดจะได้ตั้งข้อหาดำเนินคดีตามกฎหมายเช่นกัน
ทั้งนี้เป็นที่ทราบกันดีของประชาชนชาวพิมาย ว่า กิจการดูดทรายทั้ง 3 แห่ง มีนักการเมืองผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ทั้งระดับท้องถิ่นและระดับชาติสายพรรคเพื่อไทย ให้การหนุนหลังอยู่ ซึ่งที่ผ่านมา ตำรวจระดับผู้กำกับ สภ.พิมาย ถูกสั่งย้ายมาแล้วถึง 2 คน จากกรณีจับกุมรถบรรทุกทรายดังกล่าว