อุดรธานี - ศิษย์หลวงตามหาบัวจัดเสวนาประเด็นร้อน “วิทยุเสียงธรรม กับการปฏิรูปสื่อของ กสทช.” ท่ามกลางความสนใจของญาติธรรมเข้าร่วมรับฟังจำนวนมาก พระครูนภดล นันทโน ย้ำระเบียบใหม่ของคณะกรรมการ กสทช.ทำสถานีวิทยุเสียงธรรมกว่า 120 แห่งทั่วประเทศได้รับผลกระทบหนัก ทั้งที่ถ่ายทอดมรดกธรรมของหลวงตามหาบัวเพื่อประโยชน์ส่วนรวม อย่าเหมารวมกลุ่มวิทยุธุรกิจ นักวิชาการจี้ทบทวนการออกระเบียบของ กสทช.ใหม่
วันนี้ (1 ต.ค.) ที่วัดป่าบ้านตาด ต.บ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี เครือข่ายวิทยุเสียงธรรมและเครือข่ายวิทยุเพื่อประโยชน์สาธารณะจัดเสวนาเรื่องวิทยุเสียงธรรมกับการปฏิรูปสื่อของ กสทช. ซึ่งมีพระครูนิมิตวิทยากร เจ้าอาวาสวัดป่าดอยแสงธรรมญาณสัมปันโน จ.เชียงใหม่ พระรัฐวีร์ ฐิตวีโร เจ้าอาวาสวัดป่ากกสะท้อน จ.อุดรธานี, พระครูอรรถกิจนันทคุณ เจ้าอาวาสวัดป่าดอยลับงา จ.กำแพงเพชร และ ผศ.ดร.สุรศักดิ์ ศิริพรอดุลศิลป์ นักวิชาการ และนางจุฑารส พรประสิทธิ์ ตัวแทนศูนย์ประสานงานเพื่อการปฏิรูปสื่อร่วมเสวนา โดยมีนายสำราญ รอดเพชร ดำเนินรายการ
ในเวทีการเสวนาในครั้งนี้วิทยากรได้พูดคุยถึงเรื่องการกระทำของคณะกรรมการ กสทช.ทั้ง 11 คนที่ได้ออกประกาศระเบียบการกำหนดคลื่นความถี่และระเบียบการจัดตั้งสถานีวิทยุชุมชนออกมา ทำให้วิทยุชุมชนทั่วประเทศเกิดความเดือดร้อน โดยเฉพาะคลื่นวิทยุชุมชนเครือข่ายวิทยุเสียงธรรมของหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน อีกทั้งการกระทำของคณะกรรมการทั้ง 11 คนยังเป็นการเอื้อประโยชน์แก่ผู้ประกอบการอีกกลุ่มหนึ่งแบบเลือกปฏิบัติ โดยมีพุทธศาสนิกชนและประชาชนจำนวนหนึ่งเข้าร่วมฟังการเสวนาฯ ในครั้งนี้จำนวนมาก
ตลอดการเสวนาได้ทำการถ่ายทอดเสียงผ่านทางสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีดี และเอสบีที ทีวี และสถานีวิทยุเสียงธรรมทั่วประเทศทั้ง 124 แห่ง โดยมีสถานีวิทยุเสียงธรรมบ้านตาดเป็นแม่ข่าย
พระครูอรรถกิจ นันทคุณ หรือพระอาจารย์นภดล นันทโน เปิดเผยต่อผู้สื่อข่าวว่า เนื่องจากคณะกรรมการ กสทช.จำนวน 11 คนที่มีอำนาจในการจัดสรรวิทยุ โทรทัศน์ ได้มีมติออกประกาศระเบียบการกำหนดคลื่นความถี่และระเบียบการจัดตั้งสถานีวิทยุชุมชนออกมาและมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 19 กันยายน 2555 แล้วนั้น สร้างความกระทบกระเทือนให้สถานีวิทยุเสียงธรรมทั่วประเทศที่ถือว่าเป็นมรดกธรรมของหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน เป็นอย่างมาก ในฐานะของลูกหลานก็จำเป็นที่จะต้องร่วมกันรักษามรดกดังกล่าวนั้นเอาไว้
สถานีวิทยุเสียงธรรมที่ดำเนินการออกอากาศมาเป็นเวลาเกือบ 10 ปีแล้วนั้น เป็นสถานีวิทยุเพื่อประชาชน ไม่ได้มีการใช้ไปในทางเพื่อผลประโยชน์ สถานีทุกแห่งทั่วประเทศมีประชาชนผู้ศรัทธาต่อหลวงตามหาบัว และธรรมะช่วยกันบริจาคค่าใช้จ่ายทุกแห่ง และการออกอากาศเพื่อธรรมะเพื่อประชาชน
ซึ่งการที่จะนำเอากฎระเบียบที่ใช้กับสถานีวิทยุเพื่อการพาณิชย์ หรือที่เรียกว่าวิทยุธุรกิจ ที่อนุญาตให้สามารถทำการโฆษณาหาเงินมาเป็นค่าใช้จ่ายได้นั้น ไม่เป็นธรรมต่อสถานีวิทยุเสียงธรรม เพราะสถานีวิทยุดังกล่าวนี้ดำเนินการอยู่ภายใต้กฎหมายของ พ.ร.บ.วิทยุกระจายเสียง พ.ศ. 2553 และภายใต้การดำเนินงานของมูลนิธิเสียงธรรมเพื่อประชาชน ทางคณะกรรมการ กสทช.นั่นแหละกำลังทำผิดกฎหมาย
ด้าน ผศ.ดร.สุรศักดิ์ ศิริพรอดุลศิลป์ ตัวแทนกลุ่มนักวิชาการ กล่าวว่า ความคิดของ กสทช.เพียงแค่จะกำหนดกรอบเอาสถานีวิทยุทุกแห่งอยู่ในกรอบของมาตรฐานทางด้านเทคนิคเท่านั้น โดยยกเอาเหตุเพียงว่าสถานีวิทยุชุมชนทั่วประเทศมีมากมายถึงกว่า 7,000 แห่ง และเพียงต้องการที่จะลดจำนวนสถานีวิทยุให้เหลือน้อยลงเท่านั้น จีงเอาสถานีทุกแห่งมารวมกันแล้วคิดแบบง่ายๆ เฉลี่ยเท่ากันไปทุกแห่ง คือ ทุกสถานีจะต้องลดลงอยู่ในกรอบกำหนด คือ แรงส่ง 500 วัตต์ เสาอากาศสูง 60 เมตร
แต่ในขณะเดียวกัน สถานีวิทยุหลายแห่งในกรุงเทพฯ ที่ตั้งอยู่ในอาคารสูงๆ กำลังส่งเกินกว่า 500 วัตต์ เสาตั้งอยู่บนหลังคาที่สูงเกินกว่า 60 เมตร กสทช.ก็ไม่ได้ไปดูแล ซึ่งข้อกำหนดของ กสทช.ดังกล่าวนั้นไม่ได้มีวิชาการมารองรับแต่อย่างใด
กสทช.จะต้องไปทบทวนกำหนดระเบียบเสียใหม่ เพราะวิทยุเสียงธรรมไม่ได้อยู่ในกลุ่มของวิทยุธุรกิจ แต่เป็นสถานีวิทยุเพื่อสาธารณประโยชน์อย่างแท้จริง สมควรจะได้รับการสนับสนุนเพื่อประโยชน์ของส่วนรวม