ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - คนร้ายย่องงัดบ้านอดีตเทศมนตรีโคราช คนสนิท “สุวัจน์” กวาดทรัพย์สินไปเกือบหมดบ้านทั้งพระเลี่ยมทองเกจิชื่อดัง อาวุธปืนสมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 และเงินสด รวมมูลค่ากว่า 5 ล้าน ด้าน ตร.คาดคนร้ายจ้องมานานรู้ความเคลื่อนไหวของคนในบ้านก่อนลงมือ และมีไม่ต่ำกว่า 2 คน ประสานกองพิสูจน์หลักฐานเข้าเก็บร่องรอย เร่งติดตามตัวมาดำเนินคดี
วันนี้ (28 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลางดึกที่ผ่านมา พ.ต.ท.มนต์ศักดิ์ แก้วอ่อน สารวัตรเวรสอบสวน สภ.เมืองนครราชสีมา ได้รับแจ้งจากประชาชนว่ามีคนร้ายเข้าไปลักทรัพย์สินภายในบ้านเลขที่ 286/42-43 ถ.สุรนารายณ์ ซ.7 ต.บ้านเกาะ อ.เมือง จ.นครราชสีมา มีทรัพย์สินมีค่าหายไปหลายรายการ หลังรับแจ้งจึงรุดมาตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.เมืองนครราชสีมา
ในที่เกิดเหตุเป็นอาคารพาณิชย์ 3 ชั้น พบนายประชิต วงษ์มณี อดีตเทศมนตรีเทศบาลเมืองนครราชสีมา เจ้าของบ้านได้นำเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจสอบจุดเกิดเหตุภายในบ้าน โดยจากการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่า มีทรัพย์สินมีค่าหายไปหลายรายการ ส่วนใหญ่เป็นพระเครื่องเกจิชื่อดังเลี่ยมทอง
เช่น เหรียญหลวงปู่สุข รุ่น 1 ปี 2466 วัดปากคลองมะขามเฒ่า ที่มีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 2 ล้านบาท , จี้ทองคำรูปหล่อท้าวสุรนารี น้ำหนัก 1 บาท , นาฬิกาข้อมือสุภาพสตรี , อาวุธปืน ขนาด .22 ซึ่งเป็นของโบราณสมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 รวมถึงเงินสดอีกจำนวนหนึ่ง รวมมูลค่าทรัพย์สินที่ถูกคนร้ายได้ไปน่าจะไม่น้อยกว่า 5 ล้านบาท
นายประชิต วงษ์มณี อดีตเทศมนตรีเทศบาลเมืองนครราชสีมา เจ้าของบ้าน ให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ตนเป็นอดีตเทศมนตรีเทศบาลเมืองนครราชสีมา กลุ่มประสานมิตร และเป็นคนสนิท นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ในช่วงกลางวันจะไม่มีคนอยู่บ้าน เพราะออกไปทำงานนอกบ้าน และช่วงค่ำเมื่อกลับมาถึงบ้านต้องตกใจ พบว่าข้าวของภายในห้องนอนของตน และของคนในครอบครัวอีก 3 ห้องนอน รวมถึงบริเวณด้านล่างของบ้าน ถูกรื้อค้นทรัพย์สินกระจุยกระจายเต็มบ้าน
ทั้งนี้ พบว่าทรัพย์สินมีค่าที่หายไปส่วนใหญ่เป็นพระเครื่องของเกจิชื่อดัง ที่ตนเก็บสะสมไว้มานานไม่น้อยกว่า 30 ปี หายไปมากกว่า 30 องค์ นอกจากนี้ ยังมีอาวุธปืนที่ได้มาจากอดีตนักบินสมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 ก็ถูกคนร้ายเอาไปด้วย ซึ่งคาดว่าทรัพย์สินที่คนร้ายได้ไปครั้งนี้มีมูลค่าไม่น้อยกว่า 5 ล้านบาท
ด้านเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.เมืองนครราชสีมา เปิดเผยภายหลังตรวจสอบที่เกิดเหตุว่า คาดว่าคนร้ายน่าจะติดตามความเคลื่อนไหวของคนในบ้านมาสักระยะหนึ่ง จนรู้ความเคลื่อนไหวของคนในบ้าน ว่าจะเข้า-ออกบ้านเวลาไหน รวมถึงน่าจะเป็นผู้ที่มีความรู้เกี่ยวกับวงการพระเครื่องพอสมควร
จากนั้นจึงอาศัยช่วงที่ไม่มีคนอยู่บ้าน เข้ามาลักทรัพย์ ซึ่งน่าจะมีไม่ต่ำกว่า 2 คน โดยได้ประสานไปยังเจ้าหน้าที่วิทยาการพิสูจน์หลักฐาน 3 ให้เข้ามาเก็บร่องรอยคนร้าย และจะได้เร่งติดตามคนร้ายที่ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
