กาญจนบุรี - นายกเล็กปากแพรก กาญจนบุรี รุดเจรจาทหาร หลังเจ้าหน้าที่ปักเสาปิดทางเข้าออกพื้นที่ชาวบ้าน ผงะพบพื้นที่ 3 ไร่ปักป้าย “ไร่รัฐมนตรี” ที่แท้เป็นที่ชาวบ้านปักป้ายชื่อลูกชาย
เมื่อเวลา 15.00 น.วันนี้ (26 ก.ย.) นายปราโมทย์ อุ่นจิตสกุล นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลปากแพรก อ.เมือง จ.กาญจนบุรี พร้อมสมาชิกฯ เดินทางไปพื้นที่หมู่ 6 ต.ปากแพรก อ.เมือง เพื่อพบกลุ่มชาวบ้านที่กำลังได้รับความเดือดร้อนจากการที่เจ้าหน้าที่ทหารจาก ม.พัน 4 รอ.นำกำลังเข้าปักเสากั้นเขตพื้นที่ฝึกแสนยานุภาพทางทหาร ซึ่งเป็นเหตุทำให้ประชาชนที่มีพื้นที่อยู่ติดกันไม่สามารถเข้าออกได้ ครั้งนี้มี พ.ต.วัลลภ ตันติวรรธณ์ ฝอ.3 ช.พัน 1 ร.อ.สานิตย์ โพธิ์พืช นายทหารคุมพื้นที่ฝึก ม.พัน 4 รอ.และกำลังทหารจำนวนหนึ่งกำลังเจรจากับชาวบ้านที่กำลังเดือดร้อน
นายปราโมทย์ อุ่นจิตสกุล นายกเทศบาลตำบลปากแพรก เปิดเผยว่า สาเหตุที่ตนเดินทางมาครั้งนี้เนื่องจากได้รับการร้องทุกข์จากชาวบ้าน เพราะทหารได้นำกำลังเข้ามาปักเสากันเขตพื้นที่ฝึกปืนใหญ่ โดยการปักเสาดังกล่าวนั้น บางส่วนไปปิดกั้นพื้นที่ของชาวบ้านที่อยู่อาศัยมาหลายชั่วอายุคน
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ให้เหตุผลว่า พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ฝึกยุทธการทางทหารมานานกว่า 30 ปี แต่การปักเสาปิดกั้นพื้นที่ของชาวบ้านจนเดือดร้อนนั้น ต้องมาพูดถึงพระราชกฤษฎีกา 2481 เป็นการประกาศกฤษฎีกาหวงห้ามที่ดินเพื่อป้องกันการตัดไม้ไผ่ไปทำโรงงานกระดาษของกรมอุตสาหกรรมทหารในขณะนั้น ฉะนั้น การประกาศพระราชกฤษฎีกา 2481 เป็นการประกาศแบบคุมพื้นที่โดยไม่ได้มีการเดินสำรวจก่อนแต่อย่างใด โดยกางแผนที่บนโต๊ะแล้วก็ประกาศเลย โดยในยุคเผด็จการก็เป็นแบบนั้น ซึ่งพระราชกฤษฎีกา 2481 มีรัฐมนตรีดูแลอยู่สองกระทรวง คือ กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงกลาโหม
ต่อมา ปี พ.ศ.2506 ท่านประภาส จารุเสถียร ขณะนั้นท่านเป็นทั้งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และยังเป็นผู้บัญชาการทหารบก ท่านได้ยกที่ของกระทรวงมหาดไทยไปให้กองทัพบกเป็นผู้ดูแล ซึ่งประกาศฉบับนั้นเป็นประกาศที่เกิดผลกระทบต่อประชาชนโดยตรง
อีกประการหนึ่งก็คือ พื้นที่ฝึกบริเวณที่กำลังมีปัญหาอยู่ห่างจากตัวเมืองกาญจนบุรีไม่ถึง 3 กิโลเมตรด้วยซ้ำ และในอดีตเมื่อหลายสิบปีที่ผ่านมา กำนันผู้ใหญ่บ้านก็ได้กันพื้นที่แห่งนี้เอาไว้เพื่อปลูกป่า และเป็นพื้นที่สาธารณะเพื่อให้ประชาชนได้ใช้ประโยชน์ร่วมกัน ซึ่งปัจจุบันได้ขึ้นทะเบียนเป็นที่สาธารณะเอาไว้แล้ว
ดังนั้น ในส่วนพื้นที่ของทหาร ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะบอกว่าชาวบ้านมาบุกรุกพื้นที่ทหาร ตนบอกได้เลยว่าขณะนี้ไม่รู้ว่าใครบุกรุกที่ใครกันแน่ ระหว่างทหารกับชาวบ้าน แต่อย่างไรก็ตาม เราต้องมาพูดคุยกัน ปัจจุบันนี้บ้านเมืองกำลังเจริญก้าวหน้ามีการพัฒนาขึ้นมากมายเราต้องอะลุ้มอล่วยกัน
ขณะนี้ เรามีคณะกรรมการ คบร.ที่มีหน้าที่ดูแลการรุกล้ำที่ดิน ซึ่งควรให้คณะกรรมการเหล่านี้เข้ามาดูแลตรวจสอบ และตัดสินในระดับรัฐบาลเสียก่อน และในที่สุดแล้ว ถ้าหากแก้ไขปัญหาได้ ซึ่งในส่วนพื้นที่ที่ทหารไม่ได้ใช้ประโยชน์ก็ควรที่จะให้ประชาชนได้มาเช่าเป็นที่อยู่อาศัย และเป็นพื้นที่ทำกิน แต่ถ้าหากปัญหายังคาราคาซังอยู่อย่างนี้ เชื่อได้เลยว่าทหารกับชาวบ้านก็จะมีปัญหากันตลอด อีกทั้งป่าไม้ก็จะหมดไปด้วยเช่นกัน
นอกจากนั้น ตนพูดได้เลยว่าทหารได้กันพื้นที่เพื่อใช้ประโยชน์มากเกินไป เฉพาะพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรีเป็นพื้นที่ทหารกว่า 8 แสนถึง 1 ล้านไร่ ซึ่งมันมากเกินไปและยังผิดวัตถุประสงค์อีกด้วย ถามว่าทหารจำได้ไหมว่าเมื่อปี พ.ศ.2517 ในหลวงของเราเคยเสด็จมา และเคยปรารภว่า ให้ทหารกันพื้นที่ส่วนหนึ่งที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ และให้ประชาชนใช้เป็นพื้นที่อยู่อาศัยและทำกิน ซึ่งตั้งแต่นั้นมาก็ปรากฎว่าเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารไม่ได้กันพื้นที่ส่วนนั้นให้แก่ประชาชนเลย
ที่ตนพูดเช่นนี้ตนมีรายละเอียดรวมทั้งหลักฐานเอกสารที่เกี่ยวข้องพอสมควร ดังนั้น แม้ว่าวันนี้ฝ่ายทหารจะล้อมรั้วตามอำนาจของทหาร ซึ่งประชาชนเองไม่มีอำนาจที่จะไปขัดขวาง เพียงแต่ว่าขอให้เจ้าหน้าที่เห็นใจชาวบ้าน และขอให้มีการพิสูจน์พื้นที่ให้แน่ชัดเสียก่อน เพราะปัจจุบัน ทางเทศบาลได้รับการร้องทุกข์จากชาวบ้านเป็นจำนวนมาก บางรายปลูกพืชผักเอาไว้ ปลูกต้นยูคาฯ เอาไว้ ทั้งที่ที่ดินบางแปลงเขามีเอกสารสิทธิ เช่น น.ส.3 หรือโฉนด แต่ทหารกลับไม่ยอมให้เขาตัดเพื่อเอาไปใช้ประโยชน์ บางแปลงทหารก็เอารถถังไปเหยียบทำลายรั้วของเขา ซึ่งการทำอย่างนี้ถือว่าทหารนั้นทำไม่ถูกต้อง ดังนั้น ตนในฐานะนายกเทศบาลตำบลปากแพรก ที่คอยดูแลความเป็นอยู่ของชาวบ้าน จึงขอให้เจ้าหน้าที่ทหารหน่วยที่ดูแลพื้นที่ในการฝึกรบ ขอให้มาคุยกับชาวบ้าน และขอให้ทหารกันพื้นที่ให้แก่ชาวบ้านได้ทำกินด้วย หากทำได้ปัญหาก็จะหมดไป
ด้านนายรักชาติ สุขเปรม อายุ 49 ปี อยู่บ้านเลขที่ 9/7 หมู่ 6 ต.ปากแพรก อ.เมือง จ.กาญจนบุรี กล่าวว่า ที่ดินของตนมีประมาณ 3 ไร่ ซึ่งเป็นที่ดินมรดก อยู่อาศัยกันมาตั้งแต่สมัยปู่ ย่า ตา ยาย โดยตนได้ล้อมรั้วเอาไว้ และได้ปักป้ายชื่อไว้หน้ารั้วทางเข้าว่า “ไร่รัฐมนตรี” ซึ่งเป็นชื่อลูกชายของตน ซึ่งหลังจากเจ้าหน้าที่ทหารเข้ามาตรวจสอบ และพบป้ายเขียนว่า “ไร่รัฐมนตรี” ซึ่งทุกคนก็พูดถึง และพยายามสอบถามชาวบ้านที่อยู่ใกล้เคียงว่า เป็นไร่ของรัฐมนตรีคนไหน ซึ่งตนก็ได้แต่ขำๆ แต่สุดท้ายตนก็อธิบายให้เจ้าหน้าที่ทหารได้รับทราบจนเข้าใจ
ด้าน ร.อ.สานิตย์ โพธิ์พืช นายทหารคุมพื้นที่ฝึก ม.พัน 4 รอ.กล่าวว่า ตนได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาให้มาตรวจสอบพื้นที่ฝึกรบทางทหาร ซึ่งจากการสำรวจพบมีชาวบ้านบุกรุกพื้นที่จำนวนหนึ่ง ดังนั้น เราจึงได้ทำการนำเสามาปักเขตพื้นที่เอาไว้เพื่อให้ประชาชนได้ทราบ แต่อย่างไรก็ตาม หลังจากได้รับฟังปัญหาจากชาวบ้านซึ่งตนจะนำเรื่องดังกล่าวไปรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบเพื่อดำเนินการแก้ไขปัญหาต่อไป