พิจิตร - “ปลอดประสพ” ยืนยันระหว่างทัวร์น้ำท่วมเมืองชาละวัน สร้างแน่ทั้ง “เขื่อนแม่วงก์-แก่งเสือเต้น” จวก EIA-HIA นักวิชาการ ม.เชียงใหม่ ขวางขุดลอกบึงสีไฟ ทำพิจิตรเจอปัญหาทั้งน้ำท่วม-น้ำแล้ง ทั้งที่ ครม.จัดงบให้แล้ว 535 ล. เล็งหาทางเดินเครื่องต่อ
รายงานข่าวจากจังหวัดพิจิตร แจ้งว่า ระหว่างที่นายปลอดประสพ สุรัสวดี รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พร้อมคณะ ได้เดินทางไปดูสภาพน้ำท่วมที่ ต.รังนก อ.สามง่าม จ.พิจิตร โดยมี น.ส.สุณีย์ เหลืองวิจิตร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย และนายศิริวัฒน์ ขจรประศาสน์ รมช.พาณิชย์ ซึ่งเป็น ส.ส.ในพื้นที่ของพิจิตร พาดูสถานการณ์น้ำท่วมสุดสัปดาห์นี้นั้น
นายสุวิทย์ วัชโรทยางกูร ผู้ว่าฯ พิจิตร ได้บรรยายถึงสถานการณ์น้ำท่วมว่า พิจิตรปีนี้น้ำยังท่วมน้อยกว่าปีที่ผ่านมาหลายเท่าตัว ซึ่งราษฎรยังสามารถช่วยเหลือตนเองได้ และโชคดีที่นาข้าวเกี่ยวหนีน้ำเข้าโครงการรับจำข้าวของรัฐบาลไปเกือบหมดแล้ว จึงทำให้สามารถใช้ท้องนากว่า 2 หมื่นไร่ เป็นที่พักน้ำได้
ส่วนแนวทางการแก้ไข ผู้ว่าฯ พิจิตรเสนอขอประตูน้ำที่บ้านท่าแห ซึ่งเป็นรอยต่อระหว่างพิจิตรกับพิษณุโลกในแม่น้ำยม อีกทั้งอยากให้สร้างประตูน้ำในอีก 4-5 แห่ง ในเขต อ.สามง่าม อ.โพธิ์ประทับช้าง อ.โพทะเล เพื่อเป็นการชะลอน้ำในหน้าแล้ง และระบายน้ำไปยังลำคลองสาขาในช่วงฤดูฝน
จากนั้น นายปลอดประสพ ได้กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีได้ฝากความเป็นห่วง และมีคำสั่งขอให้ทุกจังหวัด ตั้งหน่วยปฏิบัติการเคลื่อนที่เร็วไปประจำอยู่ในทุกจุดที่เกิดน้ำท่วม ขอให้อยู่อย่างใกล้ชิดเพื่อสร้างความมั่นใจแก่ประชาชนพร้อมที่จะเผชิญเหตุได้ทันที โดยขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร และทุกจังหวัดที่อยู่ในสถานการณ์เสี่ยง ต้องปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ถ้าเกิดเหตุน้ำท่วมแล้วชาวบ้านร้องทุกข์ นายอำเภอ-ผู้ว่าราชการจังหวัด จะต้องรับโทษฐานไม่ใส่ใจราษฎร
ส่วนสถานการณ์น้ำท่วมของพิจิตร นายปลอดประสพ กว่าวเพิ่มเติมว่า จุดที่น้ำท่วมพิจิตรนี้ เป็นน้ำท่วมตามธรรมชาติ เพราะเป็นพื้นที่ลุ่ม แต่เป้าหมายของรัฐบาล คือ จะรักษาสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติตามเศรษฐกิจและสังคม หรือตามภูมิสังคม จะไม่บริหารจัดการน้ำให้แห้ง หรือให้ท่วมจนเกินพอดี เพราะพื้นที่ที่ท่วมตามธรรมชาติอย่างไรเสียก็คงจะหลีกเลี่ยงไม่พ้น แต่ต้องรักษาชีวิตของผู้ประสบภัยมิให้บาดเจ็บล้มตาย นั่นคือเป้าหมาย ส่วนถ้าได้รับความเดือดร้อนแล้วก็ต้องช่วยเหลือเยียวยา
นายปลอดประสพ ยังได้กล่าวต่ออีกว่า เหตุที่น้ำท่วมเช่นนี้เป็นเพราะหลายฝ่ายเอาแต่ค้านในการสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้นที่ จ.แพร่ และการก่อสร้างเขื่อนแม่วงก์ ที่ จ.นครสวรรค์ ดังนั้น ต่อไปนี้ขอประกาศเสียงดังๆ ให้ฟังเลยว่า รัฐบาลชุดนี้มีนโยบายสร้างทั้ง 2 เขื่อนนี้แน่นอน และจะไม่ยอมโอนอ่อนผ่อนตามเสียงคัดค้านอีกแล้ว และจะไม่ฟังแล้วด้วย แต่จะยึดการระทำที่จะไม่ทำให้ราษฎรเดือดร้อน และทุกอย่างที่จะทำจะต้องอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญที่ให้สิทธิให้รัฐบาลจะทำได้ภายใต้กรอบ และกฎหมายเป็นที่ตั้ง
ในส่วนพื้นที่ของ จ.พิจิตร ก็จะมีนโยบายให้ขุดลอกแม่น้ำพิจิตรเก่าระยะทาง 127 กม.ที่หัวแม่น้ำทิศเหนืออยู่ที่บ้านดงเศรษฐี อ.เมืองพิจิตร จดแม่น้ำน่าน ทิศใต้จดแม่น้ำยมที่หน้าวัดบางคลาน อ.โพทะเล ก็จะให้มีการขุดลอกครั้งใหญ่ เพื่อใช้เป็นที่กักเก็บน้ำ และใช้ประโยชน์ทางการเกษตรตามที่ น.ส.สุณีย์ เหลืองวิจิตร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เสนอโครงการเข้ามา และรับปากว่าจะต้องทำให้ได้ภายในปีงบประมาณ 2556
ส่วนพื้นที่บึงสีไฟจำนวนกว่า 5 พันไร่ ที่ขณะนี้ตื้นเขิน มีแต่ผักตบชวา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เคยลงพื้นที่ดูเมื่อวันที่ 14 ก.พ.55 พร้อมกับคณะรัฐมนตรี ก็เห็นชอบอยากให้ขุดลอกทั้ง 5 พันไร่ได้ก็จะเป็นประโยชน์มหาศาล แต่ปรากฏว่า ทางจังหวัดพิจิตรไปว่าจ้างนักวิชาการด้านสิ่งแวดล้อมจาก ม.เชียงใหม่ ให้มาทำวิจัย EIA-HIA ผลกลับออกมาว่า ต้องรักษาพื้นที่ตื้นเขิน และผักตบชวาเอาไว้ เพราะมีนก และสัตว์น้ำที่ต้องอนุรักษ์ ทั้งๆ ที่รัฐบาลอนุมัติเงินให้แล้ว 535 ล้านบาท แต่กลับขุดไม่ได้เพราะการวิจัยของนักวิชาการจาก ม.เชียงใหม่ ที่เป็นนักอนุรักษ์ ทำให้การพัฒนาบึงสีไฟไม่ก้าวหน้า
นายปลอดประสพ กล่าวว่า นักวิชาการเหล่านี้นำความรู้มาแปลความรู้ทางธรรมชาติเกินกว่าเหตุ จึงทำให้ขุดลอกบึงสีไฟเป็นแก้มลิงรับน้ำไม่ได้ เป็นเหตุให้หน้าฝนน้ำท่วม หน้าแล้งก็ไม่มีน้ำสำรองเพื่อการเกษตร ซึ่งจะต้องขอปรึกษาหารือเพื่อคิดใหม่ทำใหม่ให้การอนุรักษ์ และการพัฒนาเดินหน้าควบคู่กันไป
