กรมศิลป์ เสริมชีตไพล์ให้ “วัดไชยวัฒนาราม” มั่นใจ เอาอยู่หากน้ำท่วมอีก ส่วนวัดและโบราณสถาน ที่ถูกน้ำท่วมในจังหวัดต่างๆ คาด บูรณะเสร็จต้นปี 56 พร้อมประสานวิศวกรรม ม.เชียงใหม่ เฝ้าระวังแผ่นดินไหวโบราณสถาน
วันนี้ (18 มิ.ย.) นางโสมสุดา ลียะวณิช อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวว่า กรมศิลปากร ได้ดำเนินงานโครงการฟื้นฟูบูรณะโบราณสถาน ที่ประสบอุทกภัยกว่า 300 แห่ง ในขณะนี้บูรณะเสร็จแล้วจำนวน 20 แห่ง ได้แก่ วัดจันทบุรี จ.สระบุรี วัดสว่างอารมณ์ จ.สิงห์บุรี วัดไม้รวก วัดราชบรรทม วัดนางกุย วัดบางนมโค วัดกำแพง ในเขต จ.พระนครศรีอยุธยา โบราณสถาน และวัดในเวียงกุมกาม 8 แห่ง วัดพระธาตุแสงจันทร์ และวัดบ่อน้ำทิพย์ จ.เชียงใหม่ ศาลาพระนารายณ์ จ.ลพบุรี วัดยางตาล จ.นครสวรรค์ ที่เหลืออยู่ระหว่างการดำเนินงานบูรณะอีก 284 แห่ง จะแล้วเสร็จทั้งสิ้นในต้นปี 2556 ซึ่งการบูรณะแต่ละแห่งนั้น ทางวิศวะได้คำนึงถึงความมั่นคงแข็งแรงของโบราณสถานเป็นหลัก และบางแห่งได้มีการตอกเข็มพืดเหล็ก (sheet pile) ป้องกันโครงสร้างโบราณสถานที่อยู่ใต้ดินให้แข็งแรง และสามารถต้านทานรับปริมาณน้ำได้มากขึ้น เช่น วัดไชยวัฒนาราม และหมู่บ้านโปรตุเกส
นางโสมสุดา กล่าวว่า กรมศิลปากรได้เตรียมความพร้อมการป้องกันน้ำท่วมเข้าโบราณสถานในปีนี้ โดยนำเครื่องสูบน้ำมาทดสอบช่วงเข้าหน้าฝนเป็นระยะ ส่วนเครื่องมือและอุปกรณ์ที่มีความจำเป็นสูงในช่วงน้ำท่วม คือ เรือยนต์ท้องแบน ที่กรมบรรเทาและป้องกันสาธารณภัยใช้งานเมื่อคราวน้ำท่วมปีที่แล้ว และรถบรรทุกที่มีความสูงพิเศษเพื่อขนส่งวัสดุอุปกรณ์เข้าช่วยเหลือทันที ซึ่งในส่วนนี้ต้องของบประมาณมาจัดซื้อรองรับไว้
นอกจากนี้ ได้ร่วมกับกรมโยธาธิการและผังเมือง และกรมชลประทาน กำหนดแผนการดำเนินงานรองรับสถานการณ์น้ำท่วมในอนาคต อย่างไรก็ดี กรมศิลปากรได้มอบให้สำนักสถาปัตยกรรมจัดทำแผนบริหารจัดการความเสี่ยงจากภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นต่อโบราณสถาน และมีการประสานกับคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จัดทำแผนเฝ้าระวังแผ่นดินไหวที่จะเกิดกับโบราณสถานด้วย
วันนี้ (18 มิ.ย.) นางโสมสุดา ลียะวณิช อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวว่า กรมศิลปากร ได้ดำเนินงานโครงการฟื้นฟูบูรณะโบราณสถาน ที่ประสบอุทกภัยกว่า 300 แห่ง ในขณะนี้บูรณะเสร็จแล้วจำนวน 20 แห่ง ได้แก่ วัดจันทบุรี จ.สระบุรี วัดสว่างอารมณ์ จ.สิงห์บุรี วัดไม้รวก วัดราชบรรทม วัดนางกุย วัดบางนมโค วัดกำแพง ในเขต จ.พระนครศรีอยุธยา โบราณสถาน และวัดในเวียงกุมกาม 8 แห่ง วัดพระธาตุแสงจันทร์ และวัดบ่อน้ำทิพย์ จ.เชียงใหม่ ศาลาพระนารายณ์ จ.ลพบุรี วัดยางตาล จ.นครสวรรค์ ที่เหลืออยู่ระหว่างการดำเนินงานบูรณะอีก 284 แห่ง จะแล้วเสร็จทั้งสิ้นในต้นปี 2556 ซึ่งการบูรณะแต่ละแห่งนั้น ทางวิศวะได้คำนึงถึงความมั่นคงแข็งแรงของโบราณสถานเป็นหลัก และบางแห่งได้มีการตอกเข็มพืดเหล็ก (sheet pile) ป้องกันโครงสร้างโบราณสถานที่อยู่ใต้ดินให้แข็งแรง และสามารถต้านทานรับปริมาณน้ำได้มากขึ้น เช่น วัดไชยวัฒนาราม และหมู่บ้านโปรตุเกส
นางโสมสุดา กล่าวว่า กรมศิลปากรได้เตรียมความพร้อมการป้องกันน้ำท่วมเข้าโบราณสถานในปีนี้ โดยนำเครื่องสูบน้ำมาทดสอบช่วงเข้าหน้าฝนเป็นระยะ ส่วนเครื่องมือและอุปกรณ์ที่มีความจำเป็นสูงในช่วงน้ำท่วม คือ เรือยนต์ท้องแบน ที่กรมบรรเทาและป้องกันสาธารณภัยใช้งานเมื่อคราวน้ำท่วมปีที่แล้ว และรถบรรทุกที่มีความสูงพิเศษเพื่อขนส่งวัสดุอุปกรณ์เข้าช่วยเหลือทันที ซึ่งในส่วนนี้ต้องของบประมาณมาจัดซื้อรองรับไว้
นอกจากนี้ ได้ร่วมกับกรมโยธาธิการและผังเมือง และกรมชลประทาน กำหนดแผนการดำเนินงานรองรับสถานการณ์น้ำท่วมในอนาคต อย่างไรก็ดี กรมศิลปากรได้มอบให้สำนักสถาปัตยกรรมจัดทำแผนบริหารจัดการความเสี่ยงจากภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นต่อโบราณสถาน และมีการประสานกับคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จัดทำแผนเฝ้าระวังแผ่นดินไหวที่จะเกิดกับโบราณสถานด้วย