กลุ่มเส้นทางสีแดง อ้างอดีตเป็นอาจารย์สอนปริญญาโท ม.เชียงใหม่ เข้าแจ้งความกองปราบปรามให้ดำเนินคดีต่อตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทั้งคณะ ฐานล้มล้างการปกครองกรณีสั่งชะลอแก้ไขร่าง รธน.และกระทำการอันเป็นกบฏ ด้านตำรวจแค่สอบปากคำก่อนยื่นเรื่องให้ ป.ป.ช.พิจารณาว่าเข้าข่ายความผิดหรือไม่
วันนี้ (5 ก.ค.) ที่กองปราบปราม นายอนุรักษ์ เจนตวนิชย์ อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 54/22 ถนนท้าคราวน้อย ต.สบตุ๋ย อ.เมืองลำปาง จ.ลำปาง พร้อมพวกในนามกลุ่มเส้นทางสีแดงรวม 3 คน เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.ประสพโชค พร้อมมูล รอง ผบก.ป. เพื่อแจ้งความดำเนินคดีต่อตุลาการศาลรัฐธรรมนูณทั้งคณะ ในข้อหาเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามความผิดมาตรา 157 และความผิดตามมาตรา 113 (2) ผู้ใดใช้กำลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย ล้มล้างอำนาจนิติบัญญัติ อำนาจบริหาร หรืออำนาจตุลาการแห่งรัฐธรรมนูญหรือให้ใช้อำนาจดังกล่าวแล้วไม่ได้ ในกรณีสั่งให้สภาผู้แทนราษฎรชะลอการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 291 วาระ 3
นายอนุรักษ์กล่าวว่า ตนเคยเป็นอาจารย์สอนนักศึกษาปริญญาโท คณะสังคมศาสตร์ ม.เชียงใหม่ จากนั้นได้ลาออกมาเป็นนักกิจกรรมปั่นจักรยานเพื่อมนุษยธรรม และประชาธิปไตย โดยปั่นไปในประเทศกัมพูชา และลาว ซึ่งในวันนี้ได้เข้ามาเพื่อแจ้งความดำเนินคดีต่อตุลาการศาลรัฐธรรมนูญในข้อหาปฏิบัตหน้าที่โดยมิชอบ กรณีที่รับคำร้องโดยที่ไม่ผ่านอัยการสูงสุดซึ่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญไม่มีอำนาจตัดสินคำร้องที่ไม่ผ่านอัยการ นอกจากนี้ยังแจ้งความในข้อหากบฏ ตามมาตรา 113 กรณีขัดขวางการทำงานของรัฐสภา ในกรณีที่มีบุคคลเสนอคำร้องโดยตรงต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัย ตามมาตรา 68 ที่มีคำสั่งให้ชะลอการแก้ไขรัฐธรรมนูณวาระ 3
“ผมมาในฐานะประชาชนที่รักความเป็นธรรมคนหนึ่งโดยใช้สิทธิภายใต้รัฐธรรมนูญ ในส่วนขั้นตอนการดำเนินคดีจะเป็นอย่างไรนั้นก็ขอให้เป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวน กองปราปปราม” นายอนุรักษ์กล่าว
ด้าน พ.ต.อ.ประสพโชค ได้สั่งการให้ ร.ต.อ.นิติพัฒน์ ผลเจริญพงศ์ พนักงานสอบสวน (สบ 1) กก.1 บก.ป. สอบปากคำผู้ร้องทุกข์ไว้ จากนั้นจะดำเนินการรวบรวมเอกสารหลักฐานทั้งหมดให้ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตรวจสอบว่าเข้าข่ายตามความผิดหรือไม่