เชียงราย - ผู้ประกอบการลำไยอบแห้งเมืองพ่อขุนฯ โวยลั่นรัฐบาลเพื่อไทยหลอกให้รับซื้อลำไยสดในราคานำตลาดแล้วอบแห้งช่วยชาวสวน แต่ไม่หาตลาดมารองรับ ทำลำไยอบแห้งเต็มโกดัง จี้จัดงบจ่ายชดเชยกิโลฯ ละ 10-20 บาทตามเกรด ขู่ไม่ได้คำตอบจันทร์หน้า (24 ก.ย.) ม็อบซ้ำแน่
วันนี้ (20 ก.ย.) กลุ่มผู้ประกอบการลำไยอบแห้งจากหลายอำเภอได้ส่งตัวแทนประมาณ 50 คนไปยื่นหนังสือร้องเรียนต่อทางจังหวัดที่ศาลากลางจังหวัดเชียงราย เรียกร้องให้รัฐบาลหาตลาดหรือจัดสรรงบประมาณมารับซื้อลำไยอบแห้ง ที่เอกชนได้รับซื้อมาจากชาวสวนตามมาตรการช่วยเหลือของรัฐบาลที่ผ่านมา
ผู้ประกอบการะบุว่า หลังเอกชนเข้ารับลำไยไปอบแห้งให้แล้ว รัฐบาลไม่เคยให้เอกชนเข้าไปรับซื้อเลย จึงทำให้มีลำไยอบแห้งค้างอยู่ในโกดังเป็นจำนวนมาก
กลุ่มผู้ประกอบการซึ่งนำโดยนายมงคล จันจินะ กำนัน ต.เมืองพาน อ.พาน ระบุว่า พวกเขามีลำไยอบแห้งในสต๊อกเฉลี่ยรายละตั้งแต่ประมาณ 20,000-300,000 กิโลกรัม รวมที่ผู้ประกอบการซึ่งมีไม่ต่ำกว่า 100 ราย เข้าไปรับอบแห้งลำไยทั้งหมดประมาณ 3 ล้านกิโลกรัม
โดยกลุ่มผู้ประกอบการได้ยื่นหนังสือผ่านนายธานินทร์ สุภาแสน ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เพื่อเสนอไปยังรัฐบาลว่า ในฤดูกาลลำไยปีนี้รัฐบาลได้มีนโยบายช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนลำไย โดยให้ผู้ประกอบการอบแห้งช่วยพยุงราคาลำไยสดจากเกษตรกรขั้นต่ำเกรดเอเอกิโลกรัมละ 22 บาท เกรดเอ กิโลกรัมละ 15 บาท และเกรดบีกิโลกรัมละ 8 บาท ซึ่งที่ผ่านมาผู้ประกอบการได้ดำเนินการช่วยรัฐบาลแล้ว แต่ปรากฏว่า หลังนำมาอบแห้งกลับประสบปัญหาขาดทุน เพราะไม่มีตลาดรับซื้อในราคาสูงกว่าต้นทุน
พวกเขาจึงขอให้รัฐบาลได้แก้ไขปัญหาด้วยการจัดสรรงบประมาณชดเชยเกรดเอเอกิโลกรัมละ 20 บาท เกรดเอ 15 บาท และเกรดบี 10 บาท เนื่องจากราคาต้นทุนอบแห้งของผู้ประกอบการอยู่ที่เกรดเอเอกิโลกรัมละ 82 บาท เกรดเอ 38 บาท และเกรดบี 22 บาท
หนังสือร้องเรียนของผู้ประกอบการอบแห้งลำไยเชียงรายระบุอีกว่า ปัจจุบันเอกชนจีนซึ่งรับซื้อในราคาต่ำกว่าต้นทุนมาก โดยเกรดเอเอรับซื้อเพียงกิโลกรัมละ 65-72 บาท เกรดเอ 32-38 บาท และเกรดบีเพียง 18-20 บาท ซึ่งชาวสวนไม่สามารถขายให้ในราคาดังกล่าวได้
กลุ่มผู้ประกอบการระบุอีกว่า สาเหตุที่พวกเขาเข้าร่วมโครงการช่วยเหลือชาวสวนลำไยของรัฐบาล เพราะช่วงต้นฤดูราวเดือน มิ.ย. 2555 นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ไปประชุมกับผู้ประกอบการและชาวสวนนับพันคนที่เชียงราย แล้วแจ้งว่าในปีนี้เอกชนจีน และเครือเจริญโภคภัณฑ์ หรือซีพี ได้จะรับซื้อผลผลิตลำไยอบแห้งกว่า 60,000 ตัน จึงจะทำให้ราคาไม่ตกต่ำและสามารถขายได้ในราคาดีหมดทั้งลำไยสดและอบแห้ง
นายมงคลกล่าวต่อว่า แต่เมื่อเกิดปัญหาราคาผลผลิตตกต่ำช่วงกลางและปลายฤดูกาล รัฐบาลโดยทางจังหวัดและสำนักงานพาณิชย์จังหวัดเชียงราย ได้เจรจากับผู้ประกอบการอบแห้งลำไยขอให้รับซื้อจากเกษตรกรในราคาสูง ทำให้ผู้ประกอบการรับซื้อทั่วไปเกรดเอเอประมาณ 17-18 บาทและลดหลั่นกันลงไปตามเกรด เป็นการรับซื้อนำราคาตลาดกิโลกรัมละ 1 บาท เช่น ถ้าราคาตลาดอยู่ที่กิโลกรัมละ 20 บาท พวกตนก็จะรับซื้อ 21 บาท เป็นต้น ซึ่งพวกตนได้ช่วยพยุงราคาได้ในระดับหนึ่ง
แต่หลังหมดฤดูกาลเก็บเกี่ยวลำไย และผู้ประกอบการนำมาอบแห้งได้ประมาณ 2 เดือนแล้วกลับไม่มีมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการ และลอยแพพวกเรา จึงทำให้เดือดร้อนอย่างหนักเพราะลำไยค้างสต๊อก เฉพาะ อ.พานมีกว่า 1.5 ล้านกิโลกรัมแล้ว และเมื่อเข้าสู่ฤดูฝนจะมีความชื้นสูง ถ้าปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ขายออกไปอีกคงเป็นสีดำจนเสียหาย หรือถ้าต้องการดูแลรักษาต่อก็ต้องไปเช่าห้องเย็นจนต้นทุนบานปลายออกไปอีก
ต่อมานายเฉลิมพล พงศ์ฉบับนภา พาณิชย์จังหวัดเชียงราย ซึ่งเข้าเจรจาและแก้ไขปัญหาราคาลำไยสดจากเกษตรกรมาตั้งแต่ต้นได้เข้าเจรจากับผู้ประกอบการลำไยอบแห้งอีก โดยแจ้งว่าจะเร่งนำเสนอปัญหาต่อรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเร็ว หลังจากในปัจจุบันได้มีการเจรจากับเอกชนที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีนแล้วแต่ยังได้ราคาที่ไม่ลงตัว อย่างไรก็ตาม จะพยายามแก้ไขเพื่อไม่ให้กระทบไปถึงฤดูกาลหน้าจนเกิดปัญหาซ้ำซ้อนกันขึ้นมาอีก
ทั้งนี้ ผู้ประกอบการแจ้งว่ารัฐบาลต้องช่วยเหลือโดยเร็วภายในไม่กี่วันนี้ เพราะที่ผ่านมาพวกเขายอมเสียสละรับซื้อจากชาวสวนแล้ว และหลายรายก็ไม่ได้รับค่าชดเชยจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตามมาตรการพยุงราคาของจังหวัดฯ แต่อย่างใด จึงนัดหมายจะนำมวลชนไปรอฟังคำตอบที่ศาลากลางจังหวัดเชียงรายอีกครั้งในวันจันทร์ที่ 24 ก.ย. 55 นี้ ก่อนที่จะสลายตัวกลับ