ศูนย์ข่าวศรีราชา - กรมชลประทานพับโครงการสร้างอ่างเก็บน้ำมาบหวายโสม เพื่อกักเก็บน้ำดิบแก้ปัญหาน้ำอุปโภคบริโภคในเขตเมืองพัทยา หลังชาวบ้านต่อต้าน ชี้ใช้งบไม่สมประโยชน์ ขณะที่มาตรการเวนคืนที่ดินก็ไม่ชัดเจน และเป็นธรรม
วันนี้ (13 ก.ย.) ที่องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) เขาไม้แก้ว อ.บางละมุง จ.ชลบุรี นายจำเนียร กีทีปกูล นายกองค์การบริหารส่วนตำบลเขาไม้แก้ว เป็นประธานเปิดการประชุมรับฟังความคิดเห็นจากภาคประชาชนเกี่ยวกับโครงการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำมาบหวายโสม และอ่างเก็บน้ำห้วยไข่เน่า ในพื้นที่ ต.เขาไม้แก้ว อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เพื่อใช้เป็นแหล่งพักน้ำดิบแห่งใหม่ที่จะมารองรับการขยายตัวของชุมชนและแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำดิบในการผลิตน้ำประปาในเขตพื้นที่เมืองพัทยา จ.ชลบุรี โดยมีนายรณกิจ เอกะสิงห์ รองนายกเมืองพัทยา ตัวแทนจากกรมชลประทาน หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโครงการเข้าร่วมจำนวนกว่า 150 ราย
นายอนุวัตร บัวจันทร์ ผู้อำนวยการสำนักงานก่อสร้างที่ 8 สำนักงานพัฒนาแหล่งน้ำขนาดกลาง กรมชลประทาน เปิดเผยว่า หลายปีที่ผ่านมาพบว่า เมืองพัทยาและพื้นที่ใกล้เคียงประสบกับปัญหาการขาดแคลนน้ำดิบในการผลิตน้ำประปาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ภาคธุรกิจ และภาคประชาชนได้รับผลกระทบมาโดยตลอด ซึ่งแม้ภาครัฐเองจะให้ความใส่ใจ และอนุมัติงบประมาณในการดำเนินโครงการแก้ไขปัญหาหลายในหลายด้าน แต่ก็ถือว่ายังไม่มีประสิทธิภาพมากนัก
ล่าสุด รัฐบาลได้อนุมัติงบประมาณ 30 ล้านบาทเพื่อให้ดำเนินการขุดลอกอ่างเก็บน้ำมาบประชัน เพื่อให้เพิ่มขีดความสามารถในการกักเก็บน้ำดิบได้มากขึ้นจากเดิมที่สามารถรองรับได้ 16 ล้าน ลบ.ม.ซึ่งก็ยังอยู่ในขั้นตอนของการดำเนินการ แต่ก็พบว่า แม้จะขุดลอกอย่างไร แต่เขตพื้นที่โดยรอบของอ่างเก็บน้ำมาบประชันนั้นกลับไม่มีน้ำต้นทุนที่จะมาเติมลงอ่างมากในปริมาณที่ต้องการ จึงยังคงทำให้ประสบกับปัญหาการขาดแคลนอยู่หากฝนไม่ตกต้องตามฤดูกาล จึงมีแนวคิดในการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำมาบหวายโสม และอ่างเก็บน้ำห้วยไข่เน่าขึ้นในพื้นที่ตำบลเขาไม้แก้ว เพื่อให้สามารถกักเก็บ และรองรับปริมาณน้ำดิบได้เพิ่มขึ้น
โดยอ่างมาบหวายโสมจะกักเก็บไว้ 6.4 ล้าน ลบ.ม.อ่างห้วยไข่เน่า 1.6 ล้าน ลบ.ม.รวมแล้วกว่า 8 ล้าน ลบ.ม.เนื่องจากพบว่าพื้นที่นี้มีแหล่งน้ำต้นทุนกว่าปีละ 30 ล้าน ลบ.ม.ซึ่งจะสามารถส่งผ่านไปยังอ่างมาบประชันได้ปีละกว่า 4 ล้าน ลบ.ม.และอ่างชากนอกอีกปีละ 2 ล้าน ลบ.ม.ก็จะทำให้สามารถแก้ไขปัญหาการขาดแคลนไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้ ปัจจุบันโครงการดังกล่าวอยู่ในขั้นตอนของการกำหนดขอบเขตพื้นที่ก่อสร้าง โดยอ่างมาบหวายโสมจะใช้พื้นที่รวม 1,200 ไร่ และอ่างห้วยไข่เน่าจะใช้พื้นที่ 900 ไร่ ซึ่งจะมีประชาชนที่ได้รับผลกระทบต่อโครงการนับร้อยราย จึงเข้าร่วมหารือเพื่อรับฟังความเห็น และคำชี้แจงเกี่ยวกับมาตรการเวนคืนที่ดินที่ได้ประเมินไว้ในอัตรา 5 หมื่นถึง 2.6 แสนต่อไร่
ด้าน ดร.กนกศักดิ์ นิ่งอนงค์ ตัวแทนชาวบ้าน กล่าวว่า สำหรับอ่างมาบประชันนั้นสร้างมาตั้งแต่ปี 2520 ในพื้นที่กว่า 3,500 ไร่ แต่ยังใช้ประโยชน์ไม่เต็มที่ ซึ่งล่าสุดรัฐบาลให้งบ 30 ล้านบาท มาทำการขุดลอกเพิ่ม ซึ่งจะทำให้มาบประชันสามารถกักเก็บน้ำได้เพิ่มขึ้นอีกกว่า 10 ล้าน ลบ.ม. ซึ่งก็ถือว่ามีปริมาตรที่เท่ากัน หรือมากกว่าอ่างทั้ง 2 แห่งที่จะสร้างใหม่ ซึ่งใช้จะต้องงบประมาณกว่า 2,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นงบเวนคืน 1,000 ล้านบาท และก่อสร้าง 1,000 ล้านบาท ซึ่งมองแล้วไม่น่าจะเกิดประโยชน์ และสูญเสียงบประมาณอย่างไม่สมเหตุผล
ส่วนกรณีที่อ่างไม่มีต้นทุนน้ำนั้น ปัจจุบันทางกรมชลประทานเองก็มีการต่อเชื่อมท่อจากลุ่มน้ำบางปะกง รวมถึงโครงการต่อเชื่อมท่อส่งน้ำใหม่จากคลองพระองค์เจ้าไชยานุชิต และการผันน้ำจากระยองของอีสท์ วอร์เตอร์อีกเดือนละ 2 แสน ลบ.ม.หรือปีละกว่า 73 ล้าน ลบ.ม.ขณะที่เมืองพัทยาใช้น้ำปีละ 35 ล้าน ลบ.ม.และแหลมฉบังใช้น้ำ 25 ล้าน ลบ.ม.รวมแล้ว 60 ล้าน ลบ.ม.จึงถือว่าปริมาณน้ำดิบที่จะส่งมากักเก็บยังอ่างบางพระ และต่อเชื่อมมายังโรงกรองของการประปาส่วนภูมิภาค ถือว่าเพียงพอต่อการใช้อุปโภคบริโภคแน่นอน
ที่สำคัญ มาตรการการเวนคืนที่ดินนั้นถือว่าไม่เป็นธรรม เนื่องจากมีการตั้งราคาประเมินไว้ในอัตราที่ต่ำเฉลี่ยไร่ละ 5 หมื่น ถึง 2.6 แสนบาท ขณะที่ภาคประชาชนจะไปจัดหาที่อยู่อาศัย และที่ทำกินใหม่ในเขตอำเภอบางละมุงนั้น ที่ดินจะเฉลี่ยอยู่ในอัตราไร่ละ 1 ล้านบาทขึ้นไป จึงไม่เห็นควรให้มีการดำเนินการ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในที่ประชุมเสียงประชาชนส่วนใหญ่คัดค้าน และไม่เห็นชอบต่อการก่อสร้างโครงการอ่างเก็บน้ำมาบหวายโสม ซึ่งทางกรมชลประทานจะนำผลสรุปดังกล่าวไปชี้แจงต่อผู้รับผิดชอบ ส่วนอ่างห้วยไข่เน่าจะได้มีการเรียกประชุมภาคประชาชนที่ได้รับผลกระทบเพื่อขอรับฟังความคิดเห็น และบทสรุปอีกครั้งในเร็ววันนี้