ศูนย์ข่าวศรีราชา - โครงการรับจำนำข้าวในพื้นที่พิเศษ 8 จังหวัดที่เคยถูกน้ำท่วมเมื่อปีก่อน กำลังส่งผลกระทบต่อชาวนาในจังหวัดฉะเชิงเทรา หลังเก็บเกี่ยวข้าวไม่ทันฤดูกาล ซ้ำโรงสีในพื้นที่ปัดรับจำนำข้าว อ้างเปิดรับเกินโควตา ส่งผลจังหวัดต้องเร่งหามาตรการช่วยเหลือด่วน
วันนี้ (7 ก.ย.) นางสุมิตรา ศรีสมบัติ รองผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา ปฏิบัติราชการแทน นายเริงศักดิ์ มหาวินิจฉัยมนตรี ผู้ว่าฯ ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการติดตามกำกับดูแลการรับจำนำข้าวระดับจังหวัด ได้เรียกประชุมผู้เกี่ยวข้องในการรับจำนำข้าวของจังหวัดฉะเชิงเทรา (คณะอนุฯ ระดับจังหวัด) ที่ห้องประชุมวิชิตสงคราม ชั้น 4 ศาลากลางจังหวัด โดยมี นายบำรุง เจียรมาศ การค้าภายในจังหวัด เป็นเลขานุการการประชุม ร่วมกับผู้แทนเกษตรกร และโรงสีที่เข้าร่วมโครงการ จำนวน 24 แห่ง
ซึ่งการประชุมในครั้งนี้ เป็นผลสืบเนื่องมาจากปัญหาการรับจำนำข้าวในพื้นที่ หลังผู้ประกอบการโรงสีหลายแห่งปฏิเสธการรับจำนำข้าวนาปรังจากชาวนา นอกจากนั้น ยังมีเกษตรกรจำนวนมากเก็บเกี่ยวผลผลิตไม่ทันตามฤดูกาล ขณะที่การเปิดรับจำนำข้าวกำลังจะปิดลงในวันที่ 15 กันยายนนี้ โดยสาเหตุสำคัญมาจากบางพื้นที่ของจังหวัดฉะเชิงเทรา ได้เป็นพื้นที่น้ำท่วมเมื่อปลายปีก่อน จึงทำให้การลงมือทำนาล่าช้าออกไป กระทั่งได้รับการพิจารณาให้เป็นพื้นที่พิเศษ ร่วมกับ 8 จังหวัดภาคกลางที่ถูกน้ำท่วมใหญ่
นอกจากนั้น ที่ผ่านมาชาวนาในพื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทรา ยังได้รับผลกระทบจากเพลี้ยกระโดดที่ระบาดอย่างรุนแรง โดยเฉพาะในเขตอำเภอพนมสารคาม และใกล้เคียง จึงทำให้ต้องลงมือทำนารอบใหม่ทดแทนพื้นที่เกิดความเสียหาย ส่งผลให้เกิดความล่าช้าในการเก็บเกี่ยวผลผลิต และทำให้การเก็บเกี่ยวไม่ตรงกับฤดูกาลตามที่ได้ลงทะเบียนไว้
ด้านนายประทีป เทพพนม ชาวอำเภอท่าตะเกียบ จังหวัดฉะเชิงเทรา ในฐานะประธานสภาเกษตรกรจังหวัดฉะเชิงเทรา กล่าวว่า หลังจากที่เกษตรกรไม่สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ทันตามฤดูกาลทำให้ไม่สามารถนำผลผลิตเข้าร่วมโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลได้ทันตามเวลาที่กำหนดไว้ คือระหว่างวันที่ 1 มีนาคม-15 กันยายน 2555 และเมื่อชาวนานำผลผลิตไปจำนำกับโรงสีหลายแห่งก็ได้รับการปฏิเสธ โดยอ้างว่าโรงสีได้รับจำนำข้าวไว้จนเต็มโควตาแล้ว ทำให้ชาวนาไม่สามารถจำนำข้าวตามโครงการที่กำหนดไว้ได้
“ผลกระทบที่เกิดขึ้นทำให้ชาวนาเสียทั้งเวลา และค่าใช้จ่ายในการขนย้ายข้าวเดินทางมายังโรงสี และยังเกรงว่าจะเสียสิทธิในการเข้าร่วมโครงการจำนำข้าวตามฤดูกาลผลิตที่กำหนดไว้” นายประทีปกล่าว
ขณะที่รองผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา กล่าวว่า การประชุมแก้ไขปัญหาในครั้งนี้คณะอนุกรรมการติดตามกำกับดูแลการรับจำนำข้าวระดับจังหวัดได้มีมติเห็นชอบในการแก้ไขปัญหาให้แก่ชาวนา ด้วยการอนุญาตให้ชาวนาสามารถใช้สิทธิในการเข้าร่วมในโครงการรับจำนำข้าวในฤดูกาลถัดไปได้ และจะเจรจาขอให้โรงสีที่เข้าร่วมโครงการทั้ง 24 แห่ง เปิดรับฝากข้าวจากชาวนา
และทางจังหวัดจะหาช่องทางในการระบายข้าวที่เกินโควตา หรือจำนวนวงเงินของการวางประกันออกไป ด้วยการเสนอไปยังส่วนกลางให้มีการสั่งสีแปร เพื่อให้เกิดช่องว่างเพื่อชาวนาจะได้มีสถานที่ในการเก็บข้าว หรือฝากข้าวไว้ก่อนได้ หลังจากทำการเก็บเกี่ยวล่าช้ากว่า วันที่ 15 กันยายน 2555 เพื่อรอการเปิดรับจำนำข้าวนาปีรอบใหม่ หลังจากวันที่ 1 ตุลาคมที่จะถึงนี้
“เชื่อว่าจะไม่เกิดปัญหาซ้ำซ้อน เพราะชาวนาในพื้นที่แต่ละรายจะสามารถใช้สิทธิในการเข้าร่วมโครงการจำนำข้าวได้เพียงปีละ 2 ครั้ง คือ นาปรัง และนาปีเดิม โดยไม่สามารถแอบอ้างเข้า ร่วมโครงการจำนำข้าวในรอบที่ 3 แบบซ้ำซ้อนได้ เนื่องจากสำนักงานเกษตรในแต่ละอำเภอจะต้องเป็นผู้รับรอง และ ธ.ก.ส. จะจ่ายเงินให้เพียงปีละ 2 ครั้งตามสิทธิที่สามารถตรวจสอบได้เท่านั้น”
รองผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา กล่าวเพิ่มเติมว่า หลังจากการเจรจาร่วมกับโรงสีแล้วทุกโรงสีที่เข้าร่วมโครงการได้ตอบรับในการให้ความร่วมมือ และพร้อมที่จะรับฝากข้าวจากชาวนาไปก่อน ซึ่งหลังจากนี้ ทางจังหวัดจะเสนอเรื่องดังกล่าวไปยังรัฐบาลให้ได้รับทราบปัญหาเพื่อเป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาในลักษณะเดียวกันที่อาจเกิดขึ้นในพื้นที่อื่นด้วย เนื่องจากเชื่อว่า ปัญหาดังกล่าวอาจไม่เกิดขึ้นแต่เพียงที่จังหวัดฉะเชิงเทราเท่านั้น