ฉะเชิงเทรา - ผลสอบรถบรรทุกโรงสีขนข้าวต่างด้าวยังไม่คืบหน้า หลังดีเอสไอยื้อไม่แจ้งข้อกล่าวหา ขณะเจ้าของวอนขอความเป็นธรรมต่อหน้าสื่อ ยันไม่ทำผิดแค่รับจ้างขน เผยบริสุทธิ์ใจพร้อมยอมให้ตรวจสอบทั่วโรงสีไม่มีปลอมปนหวั่นเสียชื่อเสียง
วันนี้ (3 ก.ย.) ที่โรงสีไฟล่ำสันต์พานิชจำกัด ตั้งอยู่เลขที่ 22/3 ม.8 ต.บางพระ อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นำโดยนางศิวาพร ชื่นจิตต์ศิริ รองอธิบดีฯ พร้อมด้วยคณะอนุกรรมการข้าวระดับจังหวัด นำโดยนางสุมิตรา ศรีสมบัติ รองผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา นายบำรุง เจียรมาศ การค้าภายในจังหวัด และเจ้าหน้าที่หลายฝ่ายที่เกี่ยวข้องจำนวนกว่า 20 คน ได้ร่วมกันเข้าทำการตรวจสอบรายละเอียดรถบรรทุกข้าวสารที่ถูกขนนำเข้ามาจากประเทศเพื่อนบ้าน จนถูกทางหน่วยติดตามของดีเอสไอเข้าทำการตรวจสอบจับกุมได้เมื่อช่วงค่ำวานนี้ (2 ก.ย.) อีกครั้ง
หลังการตรวจสอบ นางศิวาพรกล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหาอะไรต่อโรงสีผู้เป็นเจ้าของรถบรรทุก โดยจะขอตรวจสอบรายละเอียดจนกว่าจะเกิดความชัดเจนมากกว่านี้ก่อน จากนั้นจะได้ให้ทางการค้าภายในจังหวัดเป็นผู้กล่าวหา จากนั้นก็เป็นหน้าที่ของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะรับเรื่องต่อไป และทางดีเอสไอก็จะเป็นพยานในเรื่องนี้
โดยประเด็นความผิดที่เกี่ยวข้องนั้น คือ การขนข้าวเข้ามาโดยไม่มีการเสียภาษีก็ผิดแล้ว และข้าวยังเป็นสินค้าที่ห้ามนำเข้า เมื่อมีการนำเข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาตก็ถือว่าผิด และถ้าพบว่ามีการกระทำผิดในเรื่องอื่นๆ อีก ทางดีเอสไอก็จะเกาะติดในทุกๆ เรื่อง ในขณะนี้เป็นเพียงข้อสันนิษฐานเบื้องต้นว่าอาจมีการกระทำผิดในการสวมสิทธิกรณีที่โรงสีนี้เป็นโรงสีที่รับจำนำข้าวด้วย และปรากฏว่า พบตัวข้าวซึ่งนำเข้ามาจากภายนอกประเทศ ซึ่งมีราคาที่ต่างกันมากกว่าครึ่ง การแจ้งข้อกล่าวหาจึงต้องใช้เวลาอีกสักระยะหนึ่ง เพื่อจะทำการตรวจสอบในทุกอย่างให้ชัดเจนเพื่อความเป็นธรรมแก่ทางโรงสีด้วย
สำหรับพฤติการณ์ลักษณะนี้ที่อาจเป็นไปได้นั้น ก็อาจมีชาวนาซึ่งขึ้นทะเบียนไว้ อาจจะมีการออกใบประทวนโดยที่ไม่ได้มีการจำนำข้าวจริงก็เป็นได้ หรือไปซื้อใบประทวนมาก็ได้ และเอาข้าวที่ราคาถูกกว่ามาสวมสิทธิก็ได้ อันนี้ยกเป็นตัวอย่างที่มองแล้วอาจเป็นไปได้ทั้งนั้น แต่ที่ผ่านมา ยังไม่เคยพบเหตุการณ์ตามที่กล่าวมานี้เกิดขึ้น ขณะนี้จึงเป็นเพียงข้อสันนิษฐานเบื้องต้นเท่านั้น ส่วนการที่จะไปแจ้งข้อกล่าวหาดำเนินคดีกับทางโรงสีนั้น จะต้องมีหลักฐานที่ชัดเจน ซึ่งจะต้องทำงานอีกระยะหนึ่ง สัก 1-2 วัน
ส่วนด้านเจ้าของโรงสีนั้น ขณะนี้ก็ยังบอกเพียงว่ารับจ้างขนส่งสินค้าเท่านั้น แต่ว่าในข้อเท็จจริงจะเป็นอย่างไรนั้นก็ขึ้นอยู่กับหลักฐาน และการสืบสวน ส่วนการพิสูจน์แหล่งที่มาของข้าวที่แท้จริงนั้นก็อาจจะส่งไปตรวจสอบดีเอ็นเอ เพื่อหาแหล่งที่มา ว่ามาจากไหนอย่างไร ซึ่งก็จะสามารถตรวจสอบได้ว่าเป็นข้าวที่ถูกแอบลักลอบนำเข้ามาจากที่อื่นหรือไม่ นางศิวาพรกล่าว
ด้านนายอำนาจ วงศ์ล่ำซำ อายุ 51 ปี เจ้าของโรงสีที่เกิดเหตุกล่าวว่า ตนเองอยากจะขอความเป็นธรรมบ้าง หลังมีบางสื่อนำเสนอข่าวในเชิงลบต่อโรงสีมาก จนทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง ทั้งที่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมานั้นตนทำอย่างถูกต้องตามกฎหมายมาโดยตลอด และพร้อมที่จะให้ทำการตรวจสอบภายในโรงสีได้ทุกเรื่อง ไม่เคยคิดคดโกง มีแต่จะทำบุญร่วมกันบริจาคช่วยเหลือผู้อื่น รวมทั้งให้การสนับสนุนต่อทางราชการต่างๆ ที่เคยร้องขอมาโดยตลอด การปล่อยรถออกไปรับจ้างก็เพื่อให้คนขับมีงานทำ มีรายได้นำไปเลี้ยงครอบครัว จนเกิดปัญหาขึ้นอย่างนี้ ต่อไปก็คงต้องหยุดพัก
โดยการรับจ้างนั้นเป็นการรับจ้างผ่านหย๋ง (บริษัทนายหน้า) เราไม่สามารถรู้ได้ว่าตัวสินค้าที่บรรทุกมานั้นคืออะไร และตนเองก็ไม่ได้ดูแลเรื่องรถขนส่งโดยตรง เพราะมีกิจการอื่นอีกมากมายหลายด้าน ทั้งโรงสีข้าวที่ จ.สุรินทร์ ทั้งธุรกิจ อพาร์ตเมนต์ เรื่องรถขนส่งนี้ทางฝ่ายเสมียนเป็นผู้รับงาน โดยมีภรรยาของตนเองเป็นผู้ดูแล การที่รถเข้ามาจอดในพื้นที่โรงสีนั้นเป็นการเข้ามาพักรถในวันอาทิตย์ ซึ่งเป็นวันหยุด ก่อนที่จะส่งสินค้าไปทำอาหารสัตว์ที่ จ.สุพรรณบุรี จึงอยากวอนขอความเป็นธรรมด้วย