ฉะเชิงเทรา - ดีเอสไอ ตามดมกลิ่นรถบรรทุกข้าวจากแนวชายแดนประเทศเพื่อนบ้านก่อนบุกเข้าจับได้คาโรงสีในโครงการรับจำนำ ขณะเจ้าของอ้างแค่รับจ้างขนทำอาหารสัตว์ ด้านรองอธิบดีฯ ยังไม่แจ้งข้อกล่าวหาระบุรอคณะอนุกรรมการระดับจังหวัดเข้าทำการตรวจสอบ เบื้องต้นยังไม่พบว่ามีการสวมสิทธิ์ในพื้นที่
วันนี้( 2 ก.ย.55) เวลา 18.30 น. ที่โรงสีไฟล่ำสันต์พานิชจำกัด ตั้งอยู่เลขที่ 22/3 ม.8 ต.บางพระ อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นำโดย นายสรรเสริญ ปาลวัฒน์วิไชย รองอธิบดีฯ ได้นำกำลังเจ้าหน้าจากกรมสอบสวนคดีพิเศษจำนวนกว่า 30 นาย พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่ เข้าทำการตรวจสอบ รถบรรทุกพ่วง 24 ล้อจำนวน 3 คัน ที่ทำการขนย้ายข้าวสารเมล็ดหัก (ปลายข้าว) และข้าวสารเมล็ดสั้นบรรจุถุง 10 เปอร์เซ็นต์ มาเต็มคันรถหลังจากได้ทำการติดตามเพื่อทำการตรวจสอบมาจากตามแนวชายแดนประเทศเพื่อนบ้านด้านฝั่ง อ.สอยดาว จ.จันทบุรี ก่อนที่รถบรรทุกทั้ง 3 คันจะมุ่งหน้าเข้ามาจอดที่บริเวณลานด้านหน้าโรงสีดังกล่าว
หลังทำการตรวจสอบภายในรถทั้ง 3 คัน พบว่ารถพ่วง 2 คันแรก ทะเบียน 81-9173 หางพ่วง 81-9174 ฉะเชิงเทรา และ 81-9818 หางพ่วง 81-9819 ฉะเชิงเทรา บรรทุกข้าวสารชนิดเมล็ดสั้นปนเมล็ดหักมาเต็มคัน ส่วนรถพ่วงทะเบียนหัวลาก 81-9151 หางพ่วง 81-9152 ฉะเชิงเทรา เป็นรถเปล่า ซึ่งคนขับอ้างว่าเป็นรถที่จอดเสียมานานประมาณ 15 วันแล้ว รวมน้ำหนักบรรทุกทั้ง 2 คันแรก ประมาณคันละ 36 ตัน นอกจากนี้ยังมีข้าวสารบรรจุกระสอบชนิดเมล็ดสั้น 10 เปอร์เซ็นต์ น้ำหนักแต่ละกระสอบประมาณ 50 กก.ปนมาบนคันรถด้วย
ขณะที่ นายอำนาจ วงศ์ล่ำซำ อายุ 51 ปี เจ้าของโรงสีดังกล่าว กล่าวว่ารถที่ถูกเจ้าหน้าที่ ดีเอสไอ ติดตามมาตรวจสอบในวันนี้นั้น เป็นรถของโรงสีจริง แต่เป็นรถที่ปล่อยออกไปรับจ้างขนส่งบรรทุกสินค้าทั่วไป เนื่องจากขณะนี้รถของโรงสีนั้นว่างงาน จึงได้ปล่อยให้รถออกไปรับจ้างเพื่อให้คนขับมีรายได้โดยไม่ทราบว่าผู้ว่าจ้างนั้น จ้างให้ไปบรรทุกสินค้าสิ่งใดบ้าง เนื่องจากเป็นการรับจ้างช่วงต่อผ่านทางนายหน้า ทราบชื่อเพียงเจ๊ลินดา อยู่ที่ จ.จันทบุรี โดยการเข้ามาจอดยังบริเวณด้านหน้าโรงสีนั้นเป็นการเข้ามาจอดพักรถเท่านั้น โดยสินค้าที่บรรทุกมาไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับทางโรงสี และไม่เกี่ยวข้องกับโครงการรับจำนำข้าวเปลือก อยู่ในขณะนี้แต่อย่างใด
โดยกิจการขนส่งนั้น ตนเองไม่ได้เข้าไปดูแล โดยปล่อยให้ทางฝ่ายภรรยา คือ นางมนทิพย์ วงศ์ล่ำซำ อายุ 51 ปี เป็นผู้ดูแล จึงยังไม่ทราบว่ารถบรรทุกได้ไปรับสินค้ามาจากบริษัทใด และใครเป็นผู้ว่าจ้างที่แท้จริง โดยรับจ้างขนส่งสินค้าในราคาตันละประมาณ 400 บาท หรือตามแต่ระยะทาง เบื้องต้นนั้นทราบจากคนขับเพียงว่า ผู้ว่าจ้างจะนำสิ่งที่บรรทุกมาคือปลายข้าวนั้น ไปส่งยังใน จ.นครปฐม เพื่อทำเป็นอาหารสุกรเท่านั้น โดยปัจจุบันตนมีรถจับจ้างจำนวน 15 คัน หรือจำนวน 30 พ่วง
นายสรรเสริญ กล่าวว่า เบื้องต้นได้เข้ามาทำการตรวจสอบรถบรรทุกต้องสงสัย ที่บรรทุก ข้าวสาร มาจากตามแนวชายแดนด้าน อ.สอยดาว จ.จันทบุรี โดยเจ้าของระบุว่าเป็นเพียงการรับจ้างบรรทุกสินค้า ซึ่งระหว่างนี้ยังต้องรอการสอบสวน และการตรวจสอบจากคณะอนุกรรมการข้าวระดับจังหวัดก่อน หากพบความผิดจึงจะแจ้งข้อกล่าวหาให้ทราบ เบื้องต้นหลักฐานที่พบเป็นเพียงหลักฐานการจ้างรถเท่านั้น ยังไม่พบหลักฐานในด้านการเสียภาษี หลักฐานการนำสินค้าผ่านแดน ขณะนี้ยังต้องรอการตรวจสอบให้ปรากฏชัดเจนก่อน โดยข้าวที่พบเป็นข้าวคุณภาพต่ำกว่าข้าวในบ้านเรามาก
สำหรับการกระทำผิดเกี่ยวกับการทุจริต ในโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล ในพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรานั้น ขณะนี้ยังไม่พบว่ามีการทุจริต