อุดรธานี-ผช.รมต.แรงงานลงพื้นที่อุดรธานี เปิดอบรมพัฒนาประสิทธิภาพแกนนำเครือข่ายประกันสังคม และเจ้าหน้าที่ประกันสังคม ที่ทำหน้าที่ขยายการขึ้นเบียนประกันสังคมมาตรา 40 พร้อมเก็บข้อมูลแก้ไขปัญหาค่าหัวคนงาน
เมื่อเวลา 09.30 น. วันนี้(1ก.ย.) ที่ โรงแรมบ้านเชียง อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี นายอนุสรณ์ ไกรวัตนุสรณ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน เป็นประธานเปิดโครงการอบรมพัฒนาสมรรถนะแกนนำเครือข่ายประกันสังคม และเจ้าหน้าที่ประกันสังคมที่ทำหน้าที่ขยายการขึ้นเบียนประกันสังคมมาตรา 40 พร้อมมอบนโยบายการดำเนินงานประกันสังคมมาตรา 40
ดร.อมร เชาวลิต ที่ปรึกษาด้านประสิทธิภาพสำนักงานประกันสังคม กล่าวว่า กระทรวงแรงงาน โดยสำนักงานประกันสังคมมีภารกิจให้การคุ้มครองประกันสังคมแก่แรงงานทั้งในและนอกระบบ เพื่อให้มีหลักประกันคุณภาพชีวิตที่ดี แรงงานนอกระบบได้เริ่มให้ความคุ้มครองตั้งแต่ปี 2537 โดยปี 2554 ได้มีการปรับปรุงสิทธิประโยชน์ประกันสังคมตรมมาตรา 40 แห่งพระราชบัญญัติประกันสังคม 2533 เป็น 2 ทางเลือก คือ จ่ายเงินสมทบเดือนละ 100 บาท
ผู้ประกันตนจ่ายเองเดือนละ 70 และรับบาลอุดหนุนอีก 30 บาท ซึ่งผู้ประกันตนจะรับสิทธิประโยชน์ใน 3 กรณี คือ กรณีเจ็บป่วย ทุพลภาพ และเสียชีวิต และจ่ายเงินสมทบเดือนละ 150 บาท โดยผู้ประกันตนจ่ายเอง 100 บาท รัฐบาลอุดหนุน 50 บาท ในกรณีนี้ผู้ประกันตนจะได้รับสิทธิประโยชน์ คือ กรณีเจ็บป่วย ทุพลภาพ เสียชีวิต และมีเงินออมไว้ใช้ในยามชรา
กระทรวงแรงงานได้มีการตั้งเป้าการขึ้นทะเบียนผู้ประกันตนตามมาตรา 40 เดือนกันยายน 2555 รวม 1.20 ล้านคน โดยมส่งเสริมให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการสร้างหลักประกันแก่ตนเอง โดยส่งเงินสมทบเข้ากองทุน ให้มีหลักประกันรายได้เมือประสบเหตุการณ์ต่างๆดังกล่าว ซึ่งผลการดำเนินงาน ณ วันที่ 31 สิงหาคม 255 มีจำนวนแรงงานนอกระบบที่สมัครเข้าสู่มาตรา 40 จำนวน 1,052,897 คน
ด้านนายอนุสรณ์ ไกรวัตนุสรณ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า นโยบายที่ได้มอบให้กับสำนักงานประกันสังคมในวันนี้ ได้เน้นให้ให้มีการออกหน่วยเคลื่อนที่ลงพื้นที่ เสนอและจูงใจให้แรงงานนอกระบบสมัครเข้าเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 40 และแจ้งเตือนให้แรงงานนอกระบบที่สมัครเข้าระบบอยู่ให้ส่งเงินสมทบอย่างต่อเนื่อง เป็นรักษาสิทธิประโยชน์ของตนเอง และประชาสัมพันธ์ผ่านนายจ้างลูกจ้าง ให้ช่วยบอกต่อคนที่รู้จักมาสมัครเป็นผู้ประกันตน
นายอนุสรณ์ กล่าวต่อว่า การที่ทางกระทรวงแรงงานได้มีการเปลี่ยนแปลงระบบการจัดส่งคนงานไทย โดยเฉพาะแรงงานภาคเกษตรกรรมไปทำงานที่ประเทศอิสราเอลนั้น จะส่งผลดีต่อคนงานไทย เนื่องมาจากที่ทาง นายเดิมชัย สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกรนะทรวงแรงงาน ที่ได้มอบนโยบายให้กับกรมจัดหางานในการลดค่าใช้จ่าย สำหรับคนหางานที่ไปทำงานในต่างประเทศ
โดยเฉพาะในประเทศอิสราเอล ซึ่งแต่เดิมเป็นระบบจัดส่งโดยบริษัทจัดหางานเอกชน จะต้องเสียค่าใช้จ่ายคนละ เป็นแสนต่อคน ในปัจจุบันคนหางานส่ามารถเดินทางไปทำงานในประเทศอิสราเอลได้โดยเสียค่าใช้จ่ายไม่เกินคนละ 70,000 บาท ซึ่งขณะนี้มีการจัดส่งในระบบรัฐต่อรัฐไปแล้ว 200 กว่าคน
ผู้สื่อข่าวได้ซักถามถึงสาเหตุที่บริษัทจัดหางานเอกชนรับสมัครคนงานเอาไว้ เพื่อจัดส่งให้ประเทศอิสราเอลแล้วไม่สามารถจัดส่งไปได้ว่า เป็นเพราะเหตุใดและจะหาทางแก้ไขปัญหาดังกล่าวนั้นอย่างไร นายอนุสรณ์ ชี้แจงว่าในการทำข้อตกลงระหว่างทั้งสองฝ่ายตกลงว่าจะเป็นเพียงคนงานภาคเกษตรกรรมเท่านั้น ส่วนในตำแหน่งอื่นนอกเหนือจากข้อตกลงก็ไม่อยู่ในข้อตกลงดังกล่าว ซึ่งบริษัทจัดหางานก็สามารถที่จะจัดส่งไปประเทศอื่นๆได้ ไม่ใช่เฉพาะประเทศอิสราเอลประเทศเดียว
สำหรับการแก้ไขปัญหาให้บริษัทจัดหางานสามารถจัดส่งคนงานไปได้นั้น นายอนุสรณ์ กล่าวว่า ขณะนี้ทางกระทรวงแรงงานให้ความเห็นใจและคนงานมากที่สุด เพราะที่ผ่านมานั้นคนหางานเคยที่จะต้องจ่ายค่าใช้จ่ายเป็นหลักแสน ขณะนี้จ่ายเป็นแค่หลักหมื่นเท่านั้น และกระทรวงแรงงานมีหน้าที่ในการดูแลพี่น้องคนหางานทุกคนให้เสียค่าใช้จ่ายตามความจำเป็นเท่านั้น เพื่อให้โอกาสกับคนงานให้ได้ประโยชน์สูงสุดในการเดินทางไปทำงานต่างประเทศ
ในส่วนของบริษัทจัดหางานเอกชนที่ทำผิดกฎหมายนั้น ขณะนี้ กรมการจัดหางานได้สั่งพักใบอนุญาตการจัดหางานกับบริษัทเหล่านั้นไปแล้ว ทั้งชั่วคราวและถาวรแล้วหลายแห่ง ที่มีความผิดในหลายประเด็นทั้งการเรียกเก็บเงินค่าบริการเกินกว่ากฎหมายกไหนและอื่นๆ
สำหรับการเรียกเก็บเงินค้ำประกันใบอนุญาตเพิ่มจากเดิมที่เก็บอยู่ที่ 5 ล้านบาทนั้น ขณะนี้ก็ยังเรียกเก็บเท่าเดิม ส่วนในอนาคตจะเพิ่มขึ้นหรือไม่ จะต้องขอศึกษาดูก่อน เพราะบริษัทจัดหางานในปัจจุบันนี้ มีทั้งดี และที่ไม่ดี บริษัทฯที่ดีเงินค้ำประกัน 5 ล้านบาท เขาก็ไม่มีปัญหา เป็นห่วงแต่บริษัทฯที่ไม่ทำตามกฎหมาย หลอกลวงพี่น้องประชาชน
ทั้งนี้ในช่วงบ่ายของวันเดียวกัน(1 ก.ย.) คณะของนายอนุสรณ์ ได้เดินทางลงพื้นที่ บ้านโพนงาม ต.โพนงาม อ.หนองหาน เพื่อไปพบกับคนงานไทยที่เดินทางไปทำงานที่ประเทศอิสราเอล เพื่อเก็บข้อมูลต่างๆ เพื่อนำกลับไปดำเนินการแก้ไขปัญหาการเก็บค่าบริการคนงาน