ศูนย์ข่าวนครราชสีมา -“ผบช.ภาค 3” ชี้ ตร.ทำคดีฆ่าลูกชาย ส.ส.อุทัยธานีได้ง่ายขึ้นและแคบลง หลังสอบปากคำ “ส.ส.ชาดา” และลูกน้องในรถคันเกิดเหตุ ยันรถก่อเหตุเป็นกระบะมิตซูฯ สตราดา โหลดเตี้ย เสียงดัง ติดสปอต์ไลต์ เลขทะเบียนขึ้นต้น 12 ลงท้าย 4 ย้ำปมดับเกิดจากเหตุขัดแย้งเฉพาะหน้า และเป็นคนในพื้นที่ เผยเร่งล่าคนร้ายเรียกสอบผู้มีปืน 9 มม.ทั้งจังหวัดกว่า 100 กระบอกหาเบาะแสปืนกระบอกสังหาร พร้อมติดตามรถคันก่อเหตุ
วันนี้ (28 ส.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่สำนักงานผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 อ.เมือง จ.นครราชสีมา พล.ต.ท.ภาณุ เกิดลาภผล ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 (ผบช.ภ.3) เปิดเผยถึงความคืบหน้าคดีคนร้ายใช้อาวุธปืนยิง นายฟารุต ไทยเศรษฐ์ อายุ 27 ปี ลูกชายนายชาดา ไทยเศรษฐ์ ส.ส.อุทัยธานี พรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) เสียชีวิตบริเวณถนนสายเขาใหญ่-วังน้ำเขียว ในท้องที่ สภ.หมูสี อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา เมื่อคืนวันที่ 20 ส.ค.ที่ผ่านมาว่า หลังจากพนักงานสอบสวนจากกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมาได้ลงพื้นที่สอบปากคำพยานที่อยู่ในเหตุการณ์ ที่ จ.อุทัยธานี เมื่อวานนี้ (27 ส.ค.)
โดยมีผู้เข้าให้ปากคำเพิ่มเติมอีกรวม 4 คน คือ ผู้ที่อยู่ในรถคันเกิดเหตุ 3 คน และ นายชาดา ไทยเศรษฐ์ แต่ยังเหลืออีก 1 คน คือผู้หญิงที่นั่งรถมากับนายชาดา ซึ่งจะเรียกมาให้ปากคำต่อไป ซึ่งผู้ที่เดินทางมาให้ปากคำดังกล่าวเป็นตัวจริงทั้งหมดตรงตามภาพถ่ายที่ตำรวจมีอยู่
สำหรับการมาให้ปากคำต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจในครั้งนี้ พยานได้นำอาวุธปืนขนาด 9 มม. TZ พร้อมหลักฐานทะเบียนปืนมาแสดงต่อพนักงานสอบสวนด้วย โดยพยานให้การว่าได้ขับแซงรถยนต์กระบะ ยี่ห้อมิตซูบิชิ สตราดา สีเทา โหลดเตี้ย เสียงดัง เลขทะเบียนขึ้นต้นด้วย 12 ลงท้ายด้วย 4 แต่จำหมวดอักษรและจังหวัดไม่ได้ โดยได้ผลัดกันขึ้นแซง 2 ครั้ง และครั้งสุดท้ายฝ่ายรถยนต์กระบะเปิดสปอตไลต์ใส่ ทำให้มองไม่เห็นทางจากนั้นก็เปิดฉากยิงต่อสู้กัน โดยอ้างว่าฝ่ายรถยนต์กระบะยิงก่อน จากนั้นฝ่ายนายชาดาได้ยิงออกไปหลายนัด
“ข้อมูลนี้เป็นการให้ปากคำของฝ่ายเดียว เราจึงไม่ทราบข้อเท็จจริงว่าใครเป็นฝ่ายเปิดฉากยิงก่อนจนกว่าจะได้ข้อมูลจากฝ่ายคนร้าย แต่ที่แน่ชัดในตอนนี้คือประเด็นการก่อเหตุน่าจะเกิดมาจากความขัดแย้งเฉพาะหน้า แต่เรายังไม่ตัดทิ้งในประเด็นอื่นๆ” พล.ต.ท.ภาณุกล่าว
พล.ต.ท.ภาณุกล่าวต่อว่า อาวุธปืนขนาด 9 มม. TZ ที่ได้จากกลุ่มลูกน้องของนายชาดา ซึ่งเป็นของคนที่นั่งด้านหน้าคู่กับนายฟารุต ผู้ตาย ได้ให้ทางกองพิสูจน์หลักฐานไปตรวจสอบ ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบ เบื้องต้นมั่นใจว่าเป็นปืนที่ยิงต่อสู้กันจริง
ทั้งนี้ จากหลักฐานปลอกกระสุนปืนที่เก็บได้ในที่เกิดเหตุ มีรวม 13 ปลอก แบ่งเป็นปลอกกระสุนปืนที่เก็บได้ตามเส้นทางที่ยิงต่อสู้กันเป็นปืนขนาด 9 มม. จำนวน 10 ปลอก รวม 2 กระบอก แบ่งเป็นปืน 9 มม. กระบอกที่ 1 จำนวน 7 ปลอก เจ้าหน้าที่เชื่อว่าหลักฐานตรงกับปืนที่ลูกน้องนายชาดานำมาให้ ส่วนกระบอกที่ 2 จำนวน 3 ปลอกนั้นเชื่อว่าน่าจะเป็นของคนร้าย
สำหรับปลอกกระสุน .380 มม. อีก 3 ปลอกที่เจ้าหน้าที่พบซองปืนชนิดดังกล่าวในรถนายฟารุตนั้น เจ้าหน้าที่ได้สอบถามแล้ว แต่พยานให้การปฏิเสธ โดยบอกว่าไม่ทราบและไม่เคยเห็นปืนดังกล่าวเลย
“ทิศทางการสอบสวนของเจ้าหน้าที่จากนี้ไปจะทำได้ง่ายขึ้นและแคบลง โดยเฉพาะการติดตามรถยนต์ตามที่พยานให้การไว้ และต้องขอความร่วมมือจากประชาชนหากพบรถยนต์โหลดเตี้ย ยี่ห้อมิตซูบิชิ สตราดา เสียงดังและติดสปอตไลต์ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ ซึ่งมีเงินรางวัลจำนวน 100,000 บาทให้สำหรับผู้ที่แจ้งเบาะแสนำไปสู่การจับกุมคนร้าย ส่วนการติดตามอาวุธปืนนั้นได้มีการเรียกผู้ที่มีปืนขนาด 9 มม. ในจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งมีอยู่กว่า 100 กระบอกที่ขึ้นทะเบียนไว้มาตรวจสอบด้วยเพื่อหาเบาะแสอาวุธที่ก่อเหตุ ” พล.ต.ท.ภาณุกล่าว
ต่อข้อถามว่าคนร้ายจะหนีออกจากพื้นที่และหนีออกไปประเทศเพื่อนบ้านหรือไม่ พล.ต.ท.ภาณุกล่าวว่า มีความเป็นไปได้ทั้งนั้น ซึ่งพนักงานสอบสวนเราทำงานกันอย่างเต็มที่ แต่ข้อมูลบางอย่างจะเปิดเผยในรายละเอียดได้ไม่มากนัก เพราะทำให้คนร้ายทราบความเคลื่อนไหวของเจ้าหน้าที่ และยังเชื่อว่าคนร้ายเป็นคนในพื้นที่ จากนี้ไปเจ้าหน้าที่จะต้องลงพื้นที่ให้ถี่ขึ้น และหาข่าวให้มากขึ้น คงต้องขอเวลาให้พนักงานสอบสวนได้ทำงานกันก่อน และจะพยายามให้สรุปคดีก่อนที่ตนจะย้ายไปรับตำแหน่งใหม่ โดยวันนี้ตนจะเดินทางไปประชุมร่วมกับชุดสืบสวนที่ สภ.หมูสี อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา เพื่อสรุปงานที่ผ่านมา และวางแผนการทำงานต่อไป
สำหรับการให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อมวลชนของนายชาดา ไทยเศรษฐ์ ส.ส.อุทัยธานี พ่อผู้ตาย เรื่องประกาศจะไม่มีการล้างแค้นผู้ก่อเหตุนั้นเป็นผลดีต่อการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างมาก เพราะการที่คนร้ายไม่กล้าเข้ามอบตัวอาจเป็นเพราะกลัวในเรื่องดังกล่าวก็เป็นได้ พล.ต.ท.ภาณุกล่าวในตอนท้าย
