ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - “ผบช.ภ. 3” ฟันธงชนวนยิงถล่มรถสังหารโหด “ลูกชาย” ส.ส.อุทัยธานี เกิดจาก “การก่อเหตุเฉพาะหน้า” เหตุเปิดไฟสูง-สปอร์ตไลท์ส่องตามหลังและขับแซงปาดหน้าสลับกันไปมาจนใช้อาวุธปืนไล่ยิงต่อสู้กัน แต่ยังไม่ตัดทิ้งปมขัดแย้งในอดีตของ “ส.ส.ชาดา” ที่มีอื้อ ระบุพยานนั่งในรถผู้ตายขณะเกิดเหตุอีก 3 คนเป็นกุญแจสำคัญจะทำให้คดีกระจ่าง จี้รีบมาให้ปากคำ ยืนยันเป็นคดีไม่ยากและไม่หนักใจ
วันนี้ ( 22 ส.ค.) เมื่อเวลา 09.30 น.ที่ห้องรับรองกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 อ.เมือง จ.นครราชสีมา พล.ต.ท.ภาณุ เกิดลาภผล ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 (ผบช.ภ.3) เปิดเผยถึงความคืบหน้าคดียิงถล่มรถยนต์ นายชาดา ไทยเศรษฐ์ ส.ส.อุทัยธานี พรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) เป็นเหตุให้ นายฟารุต ไทยเศรษฐ์ ลูกชาย เสียชีวิต ขณะพาครอบครัวมาพักผ่อนที่เขาใหญ่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา กลางดึกวันที่ 20 ส.ค.ที่ผ่านมา ว่า คดีนี้ตำรวจให้น้ำหนักเป็นเหตุเฉพาะหน้า สาเหตุน่าจะเป็นเรื่องการเปิดไฟสูงส่องตามหลังกันแล้วขับรถแซงปาดหน้าสลับกันไปมาจนเกิดมีการใช้อาวุธปืนยิงต่อสู้กัน
โดยกระสุนปืนที่ใช้ จากการตรวจรถยนต์ของผู้เสียชีวิตเป็นกระสุนปืนขนาด .380 ซึ่งปลอกกระสุนที่ตำรวจเก็บรวบรวมได้มีทั้งในรถ 2 ปลอก และนอกรถอีกรวมแล้ว 11 ปลอก และมีปลอกกระสุนที่เก็บได้จากบริเวณข้างทางอีก 2 ปลอก รวมทั้งหมด 13 ปลอก ส่วนอีกฝ่ายที่เป็นรถยนต์คันก่อเหตุใช้กระสุนขนาด 9 มม. ตำรวจเก็บได้ 2 ปลอก ซึ่งมีการยิงต่อสู้กันแล้วก็หลบหนีไป
ฉะนั้น น้ำหนักน่าจะอยู่ที่เรื่องเหตุเฉพาะหน้า ส่วนเรื่องการแก้แค้นหรือล้างแค้นในปัญหาเรื่องเก่า เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ได้ตัดประเด็นทิ้งไป ตนได้สั่งการให้ชุดสืบสวน ตำรวจภูธรภาค 3 โดยการนำของ พล.ต.ต.ประยนต์ ลาเสือ ผบก.ศสส.ภ.3 และชุดสืบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา นำโดย พ.ต.อ.ชลาสินธุ์ ชลาลัย ผกก.สส.ภ.นครราชสีมา ไปหาข่าวเชิงลึกในพื้นที่ ต.หมูสี และ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา รวมทั้งตำรวจภูธรภาค 6
“เชื่อว่าเหตุการณ์นี้น่าจะเป็นเหตุจังหวะมาเจอกัน แต่อาจจะเข้าใจผิดที่เห็นปลอกกระสุนจำนวนมากแล้วน่าจะเป็นเรื่องการยิงถล่มกันหรือเปล่า แต่ขอเรียนว่าปลอกกระสุนจำนวนมากน่าจะเป็นจำนวนมากจากฝั่งรถที่ถูกยิงมากกว่า ส่วนคนร้ายที่ก่อเหตุน่าจะไม่เกิน 2 คน และเป็นรถกระบะตอนเดียว” พล.ต.ท.ภาณุกล่าว
พล.ต.ท.ภาณุกล่าวต่อว่า อยากขอความร่วมมือคนที่อยู่ในรถยนต์คันที่ผู้เสียชีวิตขับมา ซึ่งมีด้วยกัน 6 คน เสียชีวิตไป 1 ราย เหลืออีก 5 คน ตอนนี้มาให้ปากคำแล้ว 2 คน คือคนที่นั่งหลังสุดทั้งคู่ แต่ยังเหลืออีก 3 คนจะเป็นกุญแจสำคัญที่จะทำให้รู้ว่าเหตุเกิดจากอะไร มีปัญหาขัดแย้งรุนแรงอะไรกัน โดยเฉพาะคนที่นั่งคู่กับคนขับด้านซ้ายยังไม่มาแสดงตัวให้ปากคำต่อตำรวจ รวมทั้งคนที่นั่งเบาะกลางด้วย
ทั้งนี้ จากการที่ให้กองพิสูจน์หลักฐาน 3 แกะประตูรถตรวจสอบ และตนไปดูรถคันที่ประสบเหตุ เป็นที่น่าสังเกตคือ กระจกรถโตโยต้า พราโด แลนด์ ครุยเซอร์ ด้านคนขับเปิดอยู่ครึ่งบาน แต่ด้านคนนั่งคู่คนขับเปิดเต็มบาน ไม่แตก แสดงว่าคนที่นั่งซ้ายต้องเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ต้องเห็นลักษณะรูปร่างรถยนต์ฝ่ายคู่กรณี และต้องเห็นเหตุการณ์หมดทุกอย่าง
จากการได้สอบพยานเป็นคนที่อยู่ในรถคันเกิดเหตุแล้ว 2 ปาก และพยานในรายทางอีกกว่า 10 ปาก พบว่าหลังจากคนร้ายก่อเหตุแล้วได้ขับรถปิดไฟหน้าหลบหนีไปตามเส้นทางด้าน อ.วังน้ำเขียว ซึ่งเราคิดว่าคนที่ขับรถปิดไฟวิ่งต้องมีความชำนาญรู้เส้นทางพื้นที่พอสมควร
ส่วนการส่งชุดสืบสวนลงพื้นที่ตรวจสอบตามโรงพยาบาลหรืออู่ซ่อมรถต่างๆ เนื่องจากคาดว่ารถคนร้ายน่าจะถูกกระสุนปืนด้วยนั้น พล.ต.ท.ภาณุกล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีอะไรคืบหน้าในเรื่องนี้ และเราได้ส่งไปในพื้นที่จังหวัดข้างเคียงด้วย ส่วนคนร้ายที่ก่อเหตุลักษณะการใช้อาวุธปืน ตนมองว่าไม่ใช่เป็นพวกมืออาชีพ เพราะลักษณะปืนที่ใช้ และการก่อเหตุ สมมติหากตนเป็นคนร้ายจะก่อเหตุยิงคนสักคนที่มีคนคุ้มครองจำนวนมากคงไม่เตรียมการแค่นี้แน่
ผู้สื่อข่าวถามว่า เกี่ยวกับหลักฐานจากกล้องวงจรปิดได้เบาะแสอะไรเพิ่มเติมที่เป็นชนวนการไล่ยิงกันบ้าง พล.ต.ท.ภาณุตอบว่า กล้องวงจรปิดเก็บหลักฐานได้อยู่ 3 จุด ดูแล้วไม่มีอะไรน่าสงสัย โดยมีทั้งบริเวณร้านแมคโดนัลด์, ร้านเซเว่นอีเลฟเว่น และที่ด่านตรวจป่าไม้ โดย ส.ส.และลูกชายขับรถตามกันมาเนื่องจากไม่คุ้นเส้นทาง และขับรถหลงทางทั้ง 2 ครั้ง โดยขับมาจากถนนมิตรภาพเข้าเส้นทางถนนธนะรัชต์ ครั้งแรกทั้งสองคันเลี้ยวผิดตรงบริเวณสถานีตำรวจ ต.หมูสี ครั้งสองขับตรงเข้าไปถึงด่านอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ทำให้กล้องจับภาพได้หมด แต่รถนำหน้าและรถตามหลังของคนร้ายเราไม่พบในช่วงนี้ เราเข้าใจว่ารถคนร้ายน่าจะเป็นรถที่อยู่ในแนวเส้นถนนไป อ.วังน้ำเขียวมากกว่า
สำหรับเรื่องการขาดพยานอีก 3 คนที่อยู่ในรถคันเกิดเหตุนั้น ตั้งแต่วันแรกเราติดต่อผ่านน้องสาวนายชาดา ไทยเศรษฐ์ ส.ส.อุทัยธานีไป โดยบอกว่าตัวเขาเองอยู่ในที่ปลอดภัยแล้ว โดยอีก 2 วันจะพาทั้ง 3 คนมาให้ปากคำทั้งหมด ตอนนี้เรายังไม่ได้รับการติดต่อมาให้ปากคำ ซึ่งจริงๆ ความกระจ่างจะอยู่ที่ทั้ง 3 คนนี้ ส่วนเรื่องกลัวผู้มีอิทธิพลนั้นตนคิดว่าคงไม่ใช่ และไม่เห็นต้องมีอะไรน่ากลัวในอิทธิพลของฝ่ายตรงข้าม และเราก็ยังไม่รู้เลยว่าเป็นใคร ตนคิดว่าคงไม่ใช่เรื่องนี้ การมาให้ปากคำเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเป็นประโยชน์ต่อรูปคดีมากที่สุด
ต่อข้อถามถึงคนร้ายกลุ่มนี้น่าจะเป็นคนมีสีในพื้นที่หรือไม่ พล.ต.ท.ภาณุตอบว่า เรื่องนี้คิดว่าปืนขนาด 9 มม.ตำรวจก็ใช้มาก มีใช้หลากหลาย และเป็นปืนที่ใช้กันทั่วไป หากกลุ่มมือปืนที่ต้องการยิงถล่มคงจะเป็นแบบปืนเอ็ม 16 หรืออาก้า และ 11 มม.มากกว่า โดยเฉพาะยิงถล่มคนที่มีคนคุ้มครองคงต้องใช้แบบนั้น เรื่องนี้ก็ตั้งข้อสังเกตไว้ ตนจึงทิ้งน้ำหนักว่าเป็นเหตุเฉพาะหน้า เพราะจากคำให้การของพยานที่นั่งในรถ 2 คนบอกว่ามีการเปิดไฟสปอตไลท์ใส่กัน โดยเฉพาะในส่วนของปิกอัพมีการขับแซงกันไปมา 2 ครั้งและเปิดไฟใส่กัน
โดยลักษณะการยิงที่เกิดขึ้นมีการจำลองเหตุการณ์คือ รถของผู้เสียชีวิตขับแซง พอถึงที่เกิดเหตุเป็นทางโค้งทางแคบและมีสะพานแล้วรถปิกอัพขับแซงเฉียงขึ้นไป และมีรอยกระสุนโดนรถของผู้เสียชีวิต 2 นัด โดยนัดแรกมีหัวกระสุนพุ่งเข้าเฉียงๆ ที่ประตูหน้าซ้ายแล้วทะลุผิวนอกของรถไปโดนเหล็กข้างในรถตกอยู่ในร่องกระจก ส่วนอีกหนึ่งนัดเข้าที่กระจกด้านหลังซ้ายพุ่งเฉียงทะลุไปโดนกกหูซ้ายของผู้ขับขี่เพียงนัดเดียวทำให้ถึงแก่ความตาย
พล.ต.ท.ภาณุกล่าวอีกว่า ส่วนประเด็นการเมืองตำรวจก็ไม่ได้ตัดทิ้ง แต่ ณ เวลานี้ให้น้ำหนักน้อยจากรูปการณ์ แต่คนที่จะให้ความกระจ่างมากที่สุดคืออีก 3 คนที่เหลือ ส่วนกระสุนปืน 11 มม.เราเก็บได้จากข้างทางจำนวน 2 ปลอก แต่ปลอกกระสุนในรถผู้ตายเป็นขนาด .380 และปลอกกระสุนในรายทางส่วนใหญ่เป็นขนาด .380 ทั้งนี้ ปลอกกระสุนทั้งหมดเราเก็บได้จำนวน 13 ปลอก และเรายังเก็บซองปืนที่บริเวณวางเท้าคนขับด้วย
ส่วนคนร้ายจะเป็นคนในพื้นที่หรือไม่นั้น ตนว่าน้ำหนักน่าจะเป็นคนพื้นที่เพราะขับรถปิดไฟหน้าวิ่งขณะหลบหนีได้ ส่วนแนวทางการสืบสวนสอบสวนตอนนี้ชุดสืบสวนทั้งของตำรวจภูธรภาค 3 และตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมาลงพื้นที่แล้วตระเวนหาพยานอื่นๆ และหาเบาะแสข่าว และตระเวนตามแหล่งต่างๆ ที่คาดว่าคนร้ายน่าจะหลบไปกบดาน
คดีนี้คงต้องใช้เวลาบ้าง และตนยืนยันว่าคดีนี้ไม่หนักใจ แต่อยากขอความร่วมมือพยาน 3 คน ดังกล่าวรีบมาให้ปากคำเพราะเป็นผู้เสียหาย การมาเร็วที่สุดจะเป็นเบาะแสที่สามารถหาตัวผู้กระทำผิดได้เร็วที่สุด คดีนี้ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ว่าที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้กำชับสั่งการมาว่าไม่ให้ทิ้งประเด็นความขัดแย้งในอดีตด้วย เพราะตัว ส.ส.เองก็มีคู่กรณีหลายกรณีด้วยกันที่ยังเป็นคดีความกันอยู่ ประเด็นนั้นตำรวจก็ไม่ทิ้ง ซึ่งทางตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมาได้ส่งชุดสืบสวนไปประสาน ตร.ภาค 6 ดูเรื่องนี้ด้วยเหมือนกัน ซึ่งเรารู้หมดแล้วว่ามีกรณีอะไรบ้าง ค่อนข้างจะมาก เป็นข่าวเปิดพอสมควร เป็นเหตุการณ์ตั้งแต่ปี 2546 เป็นต้นมา
“แต่น้ำหนักตอนนี้ผมยังให้เรื่องเฉพาะหน้ามากกว่า คดีนี้จริงๆ แล้วมันไม่ยากอะไร” พล.ต.ท.ภาณุกล่าว