ศูนย์ข่าวนครราชสีมา-ผบช.ภ.3 ฟันธง ฉุนขับรถปาดหน้า เปิดไฟสูงใส่กัน ชนวนยิงถล่มลูกชาย "ชาดา" พบปลอกกระสุนหลายนัดดวลกันทั้งในรถผู้ตายและในจุดที่เกิดเหตุ แต่ยังไม่ตัดทิ้งปมขัดแย้งในอดีตและการเมือง สั่งเร่งแกะรอยคนร้ายจากกล้องวงจรปิดล่า รถมิตซูบิชิ สตราดา สีฟ้า โหลดต่ำ ด้าน "ชาดา ไทยเศรษฐ์" ยันไม่ได้ขัดแย้งกับใคร จี้ตำรวจลากคอคนร้ายมาลงโทษ ลั่นพร้อมให้ปากคำ โวยโดนกล่าวหาเป็นเจ้าพ่อ มีเรื่องอะไรโดนโยงถึงหมด
พล.ต.ท.ภาณุ เกิดลาภผล ผบช.ภ.3 เปิดเผยถึงความคืบหน้าคดีคนร้ายยิงรถยนต์โตโยต้า แลนด์ครุยเซอร์ สีดำ ทะเบียนป้ายแดง อ-5726 กรุงเทพฯ ของนายชาดา ไทยเศรษฐ์ ส.ส.อุทัยธานี พรรคชาติไทยพัฒนา ซึ่งเหตุเกิดที่บริเวณบ้านคลองเดื่อ หมู่ 6 ต.หมูสี อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา จนเป็นเหตุให้นายฟารุต ไทยเศรษฐ์ บุตรชายของนายชาดา ซึ่งเป็นคนขับรถเสียชีวิตเมื่อคืนวันที่ 20 ส.ค.ที่ผ่านมาว่า คดีดังกล่าวเจ้าหน้าที่ตำรวจให้น้ำหนักไปทางเหตุการณ์เฉพาะหน้า เพราะขณะเกิดเหตุมีเรื่องการขับรถเปิดไฟสูงใส่กันและขับแซงกันไปมา จากนั้นก็มีการใช้อาวุธปืนยิงต่อสู้กัน โดยฝั่งในรถยนต์ของผู้ตายใช้อาวุธปืนขนาดจุด 38 และฝั่งรถยนต์คู่กรณีใช้อาวุธปืนขนาด 9 ม.ม. เพราะตำรวจสามารถเก็บหลักฐานเป็นหัวกระสุนปืนได้จากในรถของผู้ตาย และตามข้างทาง ตำรวจจึงให้น้ำหนักไปที่เรื่องเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้า
ส่วนประเด็นความขัดแย้งในเรื่องเก่าและประเด็นการเมือง เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ได้ตัดทิ้ง แต่ทั้ง 2 ประเด็นมีน้ำหนักน้อย โดยตำรวจเชื่อว่าคนร้ายน่าจะมีไม่เกิน 2 คน เพราะรถยนต์กระบะคู่กรณีเป็นกระบะแบบนั่งตอนเดียว
อย่างไรก็ตาม ในขณะที่เกิดเหตุในรถยนต์ของฝั่งผู้ตายมีคนมาด้วยกันในรถทั้งหมด 6 คน รวมทั้งผู้ตาย แต่หลังเกิดเหตุมีพยานที่นั่งอยู่ในรถด้านหลังเพียง 2 คนเท่านั้น ที่มาให้ปากคำ แต่พยานที่เหลืออีก 3 คน โดยเฉพาะคนที่นั่งด้านหน้าข้างกับผู้ตายยังไม่มาให้ปากคำ เพราะตำรวจเชื่อว่าพยานที่นั่งข้างผู้ตายน่าจะรู้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด แต่จากการประสานไปยังครอบครัวผู้ตายบอกว่าขอเวลา 2-3 วัน จึงจะนำพยานมาให้สอบปากคำ
**ผบช.ภ.3 ให้น้ำหนักเป็นคนในพื้นที่
นอกจากนี้ จากการตรวจสอบภายในรถผู้ตายยังพบซองอาวุธปืนตกอยู่ในรถและพบว่ามีการลดกระจกรถด้านหน้าทั้ง 2 บานลงด้วย จึงทำให้ตำรวจเชื่อว่ามีการใช้อาวุธปืนยิงต่อสู้กัน และหลังเกิดเหตุรถคู่กรณีได้ขับรถปิดไฟหลบหนีไป ตำรวจจึงเชื่อว่าผู้ก่อเหตุเป็นคนที่ชำนาญในพื้นที่เป็นอย่างดี และดูจากการใช้อาวุธปืน รวมทั้งวิถีกระสุนก็ไม่น่าจะเป็นพวกมือปืนอาชีพ ส่วนคนร้ายจะเป็นคนในพื้นหรือไม่นั้น น้ำหนักน่าจะเป็นคนแถวนี้ เพราะขับรถปิดไฟหน้าวิ่งขณะหลบหนีได้
สำหรับแนวทางการสืบสวนสอบสวน ตอนนี้ชุดสืบสวนทั้งของตำรวจภูธรภาค 3 และตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา ได้ลงพื้นที่ตระเวนหาพยานอื่นๆ เบาะแส ข่าว และตระเวนตามแหล่งต่างๆ ที่คาดว่าคนร้ายน่าจะหลบไปกบดาลแล้ว เพราะคดีดีนี้ คงต้องใช้เวลาบ้าง และตนยืนยันว่าไม่หนักใจ แต่อยากขอความร่วมมือพยาน 3 คนรีบมาให้ปากคำ เพราะเป็นผู้เสียหาย การมาเร็วที่สุดจะเป็นเบาะแสที่สามารถหาตัวผู้กระทำผิดได้เร็วที่สุด
"คดีนี้ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงห์แก้ว ว่าที่ ผบ.ตร.ได้กำชับสั่งการมาว่า ไม่ให้ทิ้งประเด็นความขัดแย้งในอดีตด้วย เพราะตัว ส.ส. เอง ก็มีคู่กรณีหลายกรณีด้วยกันที่ยังเป็นคดีความกันอยู่ ประเด็นนั้นตำรวจก็ไม่ทิ้ง ซึ่งทางตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา ได้ส่งชุดสืบสวนไปประสานตำรวจภาค 6 ดูเรื่องนี้ด้วยเหมือนกัน ซึ่งเรารู้หมดแล้วว่ามีกรณีอะไรบ้าง ค่อนข้างจะมาก เป็นข่าวเปิดพอสมควร เป็นเหตุการณ์ตั้งแต่ปี 2546 เป็นต้นมา แต่น้ำหนักตอนนี้ผมยังให้เรื่องเฉพาะหน้ามากกว่า คดีนี้จริงๆ แล้วมันไม่ยากอะไร”
**พุ่งปมขับรถปาดหน้ายิงถล่มลูก"ชาดา"
พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า สาเหตุการสังหาร ยังไม่ทิ้งประเด็นใดประเด็นหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นประเด็นความขัดแย้งส่วนบุคคล การยิงผิดตัว การขับรถปาดหน้ากันในที่เกิดเหตุ ซึ่งตอนนี้จากพยานหลักฐานที่ได้ทาง ผบช.ภ.3 ได้มุ่งประเด็นการขับรถปาดหน้ากันมากที่สุดเพราะพบปลอกกระสุนหลายปลอกแสดงให้เห็นว่ามีการยิงตอบโต้กัน
**ผกก.หมูสีสั่งล่ารถมิตซูบิชิต้องสงสัย
พ.ต.อ.ธนาวุฒิ เคหะเจริญ ผกก.สภ.หมูสี อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา กล่าวว่า ได้ประสานตำรวจทั้ง สภ.ออกหาข่าวความเคลื่อนไหวของรถคันก่อเหตุ ยิงลูกชายนายชาดา โดยให้เจ้าหน้าที่ประสานกับกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำชุมชน สืบหาหากว่ามีการพบเห็นรถยนต์ ยี่ห้อมิตซูบิชิ สีฟ้า โหลดต่ำ บ้างหรือไม่ รวมถึงประสานไปยังพื้นที่ตำบลใกล้เคียงอีกด้วย ซึ่งจะต้องมีการนำข้อมูลของแต่ละส่วนมาประมวลผลความคืบหน้าต่อไป
**"ชาดา" เผยนาทีระทึกยิงถล่มลูกชาย
นายชาดา ไทยเศรษฐ์ ส.ส.พรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวถึงเหตุการณ์ยิงบุตรชายนาฟารุต ไทยเศรษฐ์ จนเสียชีวิตว่า ตนขับรถไปกับลูกและเด็กๆ และไปจอดด้านหน้าร้านแม็คโดนัลด์ ไปรับพรรคพวก โดยสลับไปขับรถบีเอ็ม หากไม่ใช่คนที่อยู่ในร้านแม็คโดนัลด์จะคิดแค่ว่าสลับที่นั่งกับลูกชายเท่านั้น จากนั้นก็กลับเลยและมาแวะร้านเซเว่น อีเลฟเว่น ซึ่งตอนนั้นไม่มีรถอะไรตามตนมาเลย และตนก็ออกจากเซเว่นฯ ลูกก็ขับรถตามมาติดๆ และช่วงนั้นก็ไม่มีรถสักคัน แต่อยู่ดีๆ ก็มีรถมาตาม เป็นมิตซูบิชิ สตราดาโหลดเตี้ย เสียงดัง และอยู่ๆ ก็แซงเราไป อีกสักพักรถคันนี้ก็มาใหม่ก็แซงอีกที
"ผมก็เริ่มรู้สึกระแวงเมื่อใกล้ถึงที่พักรถคันนี้จอดชิดซ้ายอีก ผมก็ขับผ่านไปและรู้สึกว่า หากตามอีกทีจะมีอันตรายแล้ว ซึ่งผมกับลูกก็ขับมาและเขาก็จี้ตูดและเขาก็แซงรถลูกชาย แต่จะแซงรถของผม ผมก็ไม่ให้แซงและเร่งออกไป ปรากฏว่าเขาไม่แซงและไปเบรกตัดใส่รถลูกชาย ซึ่งต่อมาผมก็ไม่เห็นรถตามมา ผมเลยย้อนรถกลับไปดู ก็เจอรถคนร้ายดับไฟสวนมาและยิงใส่รถของผมด้วย คล้ายกับไม่ให้ตามและผมก็มุ่งหน้าไปหารถลูกชายและก็พบว่าเกิดเหตุและพาส่งโรงพยาบาล"
นายชาดากล่าวต่อว่า ตนรอฟังตำรวจอยู่ ซึ่งตำรวจบอกว่าน่าจะเป็นนักเลงท้องถิ่นแต่ถ้าเป็นนักเลงท้องถิ่นจริง ลักษณะรถที่ใช้ก่อเหตุอย่างนี้จำได้ง่าย ถามขี้เมาแถวนั้นต้องรู้ ถ้าวิ่งประจำแถวนั้นต้องรู้ หากเป็นอย่างนั้นก็ไม่เกินฝีมือตำรวจไทย หากเป็นท้องถิ่นต้องเอาตัวมาให้ได้ เพราะจะเสียชื่อเสียงแหล่งท่องเที่ยว ไม่งั้นบ้านเมืองเสียหาย ต่อไปใครจะกล้าไป ระดับอย่างนี้ยังโดนและชาวบ้านจะโดนขนาดไหน
ส่วนเรื่องที่ตั้งข้อสังเกตุว่ามีการขับรถปาดหน้าจนเป็นเหตุนั้น นายชาดา กล่าวว่า ตนไม่ได้ขับเร็ว และขณะนั้นไม่มีรถนำหรือสวน อยู่ๆ ก็มีรถคันนี้ออกมา ตอนเกิดเหตุใหม่ๆ สัญชาตญาณก็รู้ว่าเขาจะตามตน แต่หากจะตามน่าจะรู้ว่าตนขับรถบีเอ็ม แล้ว แต่เอ๊ะมันยังไงกัน เขาเจตนาจะยิงคนนั่งซ้ายอย่างเดียว
**แฉตอนสอบปากคำที่รพ."ตำรวจเมา"
ส่วนเป็นเรื่องการเมืองหรือธุรกิจไม่นั้น นายชาดา กล่าวว่า เรื่องธุรกิจตนไม่ขัดแย้งกับใคร ส่วนการเมืองตอบไม่ได้ การเมืองในท้องที่ ฟารุต เขาก็เปิดตัวจะลงสมัครในครั้งหน้า เรื่องการเมืองมีทั้งเป็นไปได้และไม่ได้ ตนไม่มีปัญหาขัดแย้งอะไร ตนมองไม่ออก และภาวนาอยากให้เป็นจิ๊กโก๋ท้องถิ่นอย่างที่บอก
เมื่อถามถึงกระแสข่าวที่หลายคนบอกว่าเป็น "เจ้าพ่อ" นายชาดา กล่าวว่า พอเกิดเป็นข่าวก็มาลงที่ตน อย่างกรณีผู้กำกับไทรงาม เรื่องปล้นธนาคาร พอเกิดเหตุตนก็มารู้ทีหลัง ผู้กำกับไทรงามตนก็ไม่รู้จักหน้าตา ไม่ใช่ว่าคนอุทัยธานี ไปทำอะไรตนต้องรู้หมด นึกอะไรไม่ออกบอกว่าเป็นชาดาไว้ก่อน แต่เวลาตนโดนกลับบอกเป็นนักเลงท้องถิ่น แต่หากคนอื่นโดนส่งมาทางนี้อย่างเดียว
"ที่ผ่านมา ในทุกเรื่องเวลาบอกว่าผมไม่เกี่ยว แต่ก็ไม่มีใครพูดอะไร ไม่มีใครมาขอโทษ ผมยังเคยพูดว่าหากลูกผมเป็นอะไรไปไม่โทษผมอีกหรือ" นายชาดา กล่าว
ส่วนจะไปให้การกับตำรวจเมื่อไหร่นั้น นายชาดา กล่าวว่า ในวันเกิดเหตุก็มีตำรวจตามไปโรงพยาบาลสอบปากคำ ซึ่งก็เมาด้วย เขาก็ถามวกไปวนมา โดยเป็นสายสืบ แต่ก็ไม่ได้แสดงพฤติกรรมอะไร ตอนนี้พร้อมจะไปให้ข้อมูลทุกเวลา
**"ชาดา" หน้าเครียดร่วมประชุมสภาฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 13.00 น.วานนี้นายชาดา ได้เดินทางเข้ามาร่วมการประชุมสภาผู้แทนราษฎร โดยไม่ได้ให้สัมภาษณ์ใดๆ กับผู้สื่อข่าว ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่าการเดินทางเข้าร่วมประชุมสภาฯ ของนายชาดา มีผู้ติดตามจำนวนหนึ่งเดินตาม เพื่อคอยอารักขาอย่างใกล้ชิด ขณะที่สีหน้าของนายชาดา มีอาการเครียดอย่างเห็นได้ชัด
**"เฉลิม"แนะรีบให้ปากคำตำรวจ
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนได้คุยโทรศัพท์กับ พล.ต.ต.องอาจ ผิวเรือง ผบก.ภ.จ.นครราชสีมา และ พล.ต.ท.ภาณุ เกิดลาภผล ผบช.ภ.3 ซึ่งหลังจากสอบสวนไปได้ 1 วัน ได้ข้อเท็จจริงว่า ระหว่างที่รถที่นายฟารุต นั่งมามีรถกระบะมิตซูบิชิ สตราดา ขับตามมาและมีการเปิด-ปิดสปอร์ตไลต์หลายครั้ง กระทั่งรถคันดังกล่าวขับประกบจึงมีการยิงตอบโต้กันทั้ง 2 ฝ่ายจนเป็นเหตุให้นายฟารุต เสียชีวิต อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่พยายามจะสอบพยานเพิ่มเติม แต่เพิ่งสอบไปได้ 2 ปากและยังไม่ชัดเจน ซึ่งตนก็กำชับไปว่าอย่าเพิ่งตัดประเด็นอื่น ต้องพยายามสอบให้ถึงที่สุด ซึ่งก็เป็นคดีธรรมดา ไม่มีอิทธิพลแต่อย่างใด
ผู้สื่อข่าวถามว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจให้น้ำหนักในประเด็นการเมืองหรือเหตุเฉพาะหน้า ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า เหตุเฉพาะหน้า แต่ตนก็กำชับว่าอย่าเพิ่งไปตัดประเด็นอื่น ดีที่สุดนายชาดา และพยานทั้งหมดควรมาให้การเพิ่มเติมจะได้รู้ข้อเท็จจริง โดยถ้ามาให้ปากคำเร็วก็จะเป็นประโยชน์ต่อการสืบสวน แต่หากผู้เสียหายจะมาช้าหรือเร็วเจ้าหน้าที่ตำรวจก็บังคับไม่ได้เพราะเป็นสิทธิ อย่างไรก็ตาม ถ้าผู้เสียหายไม่มา ก็สรุปคดีไม่ได้ เพราะมีการพบปอกกระสุนที่มาจากรถมิตซูบิชิ สตราดา และรถคันที่นายฟารุตนั่งก็มีการเปิดกระจกรถด้านหน้าแล้วยิงด้วย
พล.ต.ท.ภาณุ เกิดลาภผล ผบช.ภ.3 เปิดเผยถึงความคืบหน้าคดีคนร้ายยิงรถยนต์โตโยต้า แลนด์ครุยเซอร์ สีดำ ทะเบียนป้ายแดง อ-5726 กรุงเทพฯ ของนายชาดา ไทยเศรษฐ์ ส.ส.อุทัยธานี พรรคชาติไทยพัฒนา ซึ่งเหตุเกิดที่บริเวณบ้านคลองเดื่อ หมู่ 6 ต.หมูสี อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา จนเป็นเหตุให้นายฟารุต ไทยเศรษฐ์ บุตรชายของนายชาดา ซึ่งเป็นคนขับรถเสียชีวิตเมื่อคืนวันที่ 20 ส.ค.ที่ผ่านมาว่า คดีดังกล่าวเจ้าหน้าที่ตำรวจให้น้ำหนักไปทางเหตุการณ์เฉพาะหน้า เพราะขณะเกิดเหตุมีเรื่องการขับรถเปิดไฟสูงใส่กันและขับแซงกันไปมา จากนั้นก็มีการใช้อาวุธปืนยิงต่อสู้กัน โดยฝั่งในรถยนต์ของผู้ตายใช้อาวุธปืนขนาดจุด 38 และฝั่งรถยนต์คู่กรณีใช้อาวุธปืนขนาด 9 ม.ม. เพราะตำรวจสามารถเก็บหลักฐานเป็นหัวกระสุนปืนได้จากในรถของผู้ตาย และตามข้างทาง ตำรวจจึงให้น้ำหนักไปที่เรื่องเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้า
ส่วนประเด็นความขัดแย้งในเรื่องเก่าและประเด็นการเมือง เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ได้ตัดทิ้ง แต่ทั้ง 2 ประเด็นมีน้ำหนักน้อย โดยตำรวจเชื่อว่าคนร้ายน่าจะมีไม่เกิน 2 คน เพราะรถยนต์กระบะคู่กรณีเป็นกระบะแบบนั่งตอนเดียว
อย่างไรก็ตาม ในขณะที่เกิดเหตุในรถยนต์ของฝั่งผู้ตายมีคนมาด้วยกันในรถทั้งหมด 6 คน รวมทั้งผู้ตาย แต่หลังเกิดเหตุมีพยานที่นั่งอยู่ในรถด้านหลังเพียง 2 คนเท่านั้น ที่มาให้ปากคำ แต่พยานที่เหลืออีก 3 คน โดยเฉพาะคนที่นั่งด้านหน้าข้างกับผู้ตายยังไม่มาให้ปากคำ เพราะตำรวจเชื่อว่าพยานที่นั่งข้างผู้ตายน่าจะรู้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด แต่จากการประสานไปยังครอบครัวผู้ตายบอกว่าขอเวลา 2-3 วัน จึงจะนำพยานมาให้สอบปากคำ
**ผบช.ภ.3 ให้น้ำหนักเป็นคนในพื้นที่
นอกจากนี้ จากการตรวจสอบภายในรถผู้ตายยังพบซองอาวุธปืนตกอยู่ในรถและพบว่ามีการลดกระจกรถด้านหน้าทั้ง 2 บานลงด้วย จึงทำให้ตำรวจเชื่อว่ามีการใช้อาวุธปืนยิงต่อสู้กัน และหลังเกิดเหตุรถคู่กรณีได้ขับรถปิดไฟหลบหนีไป ตำรวจจึงเชื่อว่าผู้ก่อเหตุเป็นคนที่ชำนาญในพื้นที่เป็นอย่างดี และดูจากการใช้อาวุธปืน รวมทั้งวิถีกระสุนก็ไม่น่าจะเป็นพวกมือปืนอาชีพ ส่วนคนร้ายจะเป็นคนในพื้นหรือไม่นั้น น้ำหนักน่าจะเป็นคนแถวนี้ เพราะขับรถปิดไฟหน้าวิ่งขณะหลบหนีได้
สำหรับแนวทางการสืบสวนสอบสวน ตอนนี้ชุดสืบสวนทั้งของตำรวจภูธรภาค 3 และตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา ได้ลงพื้นที่ตระเวนหาพยานอื่นๆ เบาะแส ข่าว และตระเวนตามแหล่งต่างๆ ที่คาดว่าคนร้ายน่าจะหลบไปกบดาลแล้ว เพราะคดีดีนี้ คงต้องใช้เวลาบ้าง และตนยืนยันว่าไม่หนักใจ แต่อยากขอความร่วมมือพยาน 3 คนรีบมาให้ปากคำ เพราะเป็นผู้เสียหาย การมาเร็วที่สุดจะเป็นเบาะแสที่สามารถหาตัวผู้กระทำผิดได้เร็วที่สุด
"คดีนี้ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงห์แก้ว ว่าที่ ผบ.ตร.ได้กำชับสั่งการมาว่า ไม่ให้ทิ้งประเด็นความขัดแย้งในอดีตด้วย เพราะตัว ส.ส. เอง ก็มีคู่กรณีหลายกรณีด้วยกันที่ยังเป็นคดีความกันอยู่ ประเด็นนั้นตำรวจก็ไม่ทิ้ง ซึ่งทางตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา ได้ส่งชุดสืบสวนไปประสานตำรวจภาค 6 ดูเรื่องนี้ด้วยเหมือนกัน ซึ่งเรารู้หมดแล้วว่ามีกรณีอะไรบ้าง ค่อนข้างจะมาก เป็นข่าวเปิดพอสมควร เป็นเหตุการณ์ตั้งแต่ปี 2546 เป็นต้นมา แต่น้ำหนักตอนนี้ผมยังให้เรื่องเฉพาะหน้ามากกว่า คดีนี้จริงๆ แล้วมันไม่ยากอะไร”
**พุ่งปมขับรถปาดหน้ายิงถล่มลูก"ชาดา"
พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า สาเหตุการสังหาร ยังไม่ทิ้งประเด็นใดประเด็นหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นประเด็นความขัดแย้งส่วนบุคคล การยิงผิดตัว การขับรถปาดหน้ากันในที่เกิดเหตุ ซึ่งตอนนี้จากพยานหลักฐานที่ได้ทาง ผบช.ภ.3 ได้มุ่งประเด็นการขับรถปาดหน้ากันมากที่สุดเพราะพบปลอกกระสุนหลายปลอกแสดงให้เห็นว่ามีการยิงตอบโต้กัน
**ผกก.หมูสีสั่งล่ารถมิตซูบิชิต้องสงสัย
พ.ต.อ.ธนาวุฒิ เคหะเจริญ ผกก.สภ.หมูสี อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา กล่าวว่า ได้ประสานตำรวจทั้ง สภ.ออกหาข่าวความเคลื่อนไหวของรถคันก่อเหตุ ยิงลูกชายนายชาดา โดยให้เจ้าหน้าที่ประสานกับกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำชุมชน สืบหาหากว่ามีการพบเห็นรถยนต์ ยี่ห้อมิตซูบิชิ สีฟ้า โหลดต่ำ บ้างหรือไม่ รวมถึงประสานไปยังพื้นที่ตำบลใกล้เคียงอีกด้วย ซึ่งจะต้องมีการนำข้อมูลของแต่ละส่วนมาประมวลผลความคืบหน้าต่อไป
**"ชาดา" เผยนาทีระทึกยิงถล่มลูกชาย
นายชาดา ไทยเศรษฐ์ ส.ส.พรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวถึงเหตุการณ์ยิงบุตรชายนาฟารุต ไทยเศรษฐ์ จนเสียชีวิตว่า ตนขับรถไปกับลูกและเด็กๆ และไปจอดด้านหน้าร้านแม็คโดนัลด์ ไปรับพรรคพวก โดยสลับไปขับรถบีเอ็ม หากไม่ใช่คนที่อยู่ในร้านแม็คโดนัลด์จะคิดแค่ว่าสลับที่นั่งกับลูกชายเท่านั้น จากนั้นก็กลับเลยและมาแวะร้านเซเว่น อีเลฟเว่น ซึ่งตอนนั้นไม่มีรถอะไรตามตนมาเลย และตนก็ออกจากเซเว่นฯ ลูกก็ขับรถตามมาติดๆ และช่วงนั้นก็ไม่มีรถสักคัน แต่อยู่ดีๆ ก็มีรถมาตาม เป็นมิตซูบิชิ สตราดาโหลดเตี้ย เสียงดัง และอยู่ๆ ก็แซงเราไป อีกสักพักรถคันนี้ก็มาใหม่ก็แซงอีกที
"ผมก็เริ่มรู้สึกระแวงเมื่อใกล้ถึงที่พักรถคันนี้จอดชิดซ้ายอีก ผมก็ขับผ่านไปและรู้สึกว่า หากตามอีกทีจะมีอันตรายแล้ว ซึ่งผมกับลูกก็ขับมาและเขาก็จี้ตูดและเขาก็แซงรถลูกชาย แต่จะแซงรถของผม ผมก็ไม่ให้แซงและเร่งออกไป ปรากฏว่าเขาไม่แซงและไปเบรกตัดใส่รถลูกชาย ซึ่งต่อมาผมก็ไม่เห็นรถตามมา ผมเลยย้อนรถกลับไปดู ก็เจอรถคนร้ายดับไฟสวนมาและยิงใส่รถของผมด้วย คล้ายกับไม่ให้ตามและผมก็มุ่งหน้าไปหารถลูกชายและก็พบว่าเกิดเหตุและพาส่งโรงพยาบาล"
นายชาดากล่าวต่อว่า ตนรอฟังตำรวจอยู่ ซึ่งตำรวจบอกว่าน่าจะเป็นนักเลงท้องถิ่นแต่ถ้าเป็นนักเลงท้องถิ่นจริง ลักษณะรถที่ใช้ก่อเหตุอย่างนี้จำได้ง่าย ถามขี้เมาแถวนั้นต้องรู้ ถ้าวิ่งประจำแถวนั้นต้องรู้ หากเป็นอย่างนั้นก็ไม่เกินฝีมือตำรวจไทย หากเป็นท้องถิ่นต้องเอาตัวมาให้ได้ เพราะจะเสียชื่อเสียงแหล่งท่องเที่ยว ไม่งั้นบ้านเมืองเสียหาย ต่อไปใครจะกล้าไป ระดับอย่างนี้ยังโดนและชาวบ้านจะโดนขนาดไหน
ส่วนเรื่องที่ตั้งข้อสังเกตุว่ามีการขับรถปาดหน้าจนเป็นเหตุนั้น นายชาดา กล่าวว่า ตนไม่ได้ขับเร็ว และขณะนั้นไม่มีรถนำหรือสวน อยู่ๆ ก็มีรถคันนี้ออกมา ตอนเกิดเหตุใหม่ๆ สัญชาตญาณก็รู้ว่าเขาจะตามตน แต่หากจะตามน่าจะรู้ว่าตนขับรถบีเอ็ม แล้ว แต่เอ๊ะมันยังไงกัน เขาเจตนาจะยิงคนนั่งซ้ายอย่างเดียว
**แฉตอนสอบปากคำที่รพ."ตำรวจเมา"
ส่วนเป็นเรื่องการเมืองหรือธุรกิจไม่นั้น นายชาดา กล่าวว่า เรื่องธุรกิจตนไม่ขัดแย้งกับใคร ส่วนการเมืองตอบไม่ได้ การเมืองในท้องที่ ฟารุต เขาก็เปิดตัวจะลงสมัครในครั้งหน้า เรื่องการเมืองมีทั้งเป็นไปได้และไม่ได้ ตนไม่มีปัญหาขัดแย้งอะไร ตนมองไม่ออก และภาวนาอยากให้เป็นจิ๊กโก๋ท้องถิ่นอย่างที่บอก
เมื่อถามถึงกระแสข่าวที่หลายคนบอกว่าเป็น "เจ้าพ่อ" นายชาดา กล่าวว่า พอเกิดเป็นข่าวก็มาลงที่ตน อย่างกรณีผู้กำกับไทรงาม เรื่องปล้นธนาคาร พอเกิดเหตุตนก็มารู้ทีหลัง ผู้กำกับไทรงามตนก็ไม่รู้จักหน้าตา ไม่ใช่ว่าคนอุทัยธานี ไปทำอะไรตนต้องรู้หมด นึกอะไรไม่ออกบอกว่าเป็นชาดาไว้ก่อน แต่เวลาตนโดนกลับบอกเป็นนักเลงท้องถิ่น แต่หากคนอื่นโดนส่งมาทางนี้อย่างเดียว
"ที่ผ่านมา ในทุกเรื่องเวลาบอกว่าผมไม่เกี่ยว แต่ก็ไม่มีใครพูดอะไร ไม่มีใครมาขอโทษ ผมยังเคยพูดว่าหากลูกผมเป็นอะไรไปไม่โทษผมอีกหรือ" นายชาดา กล่าว
ส่วนจะไปให้การกับตำรวจเมื่อไหร่นั้น นายชาดา กล่าวว่า ในวันเกิดเหตุก็มีตำรวจตามไปโรงพยาบาลสอบปากคำ ซึ่งก็เมาด้วย เขาก็ถามวกไปวนมา โดยเป็นสายสืบ แต่ก็ไม่ได้แสดงพฤติกรรมอะไร ตอนนี้พร้อมจะไปให้ข้อมูลทุกเวลา
**"ชาดา" หน้าเครียดร่วมประชุมสภาฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 13.00 น.วานนี้นายชาดา ได้เดินทางเข้ามาร่วมการประชุมสภาผู้แทนราษฎร โดยไม่ได้ให้สัมภาษณ์ใดๆ กับผู้สื่อข่าว ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่าการเดินทางเข้าร่วมประชุมสภาฯ ของนายชาดา มีผู้ติดตามจำนวนหนึ่งเดินตาม เพื่อคอยอารักขาอย่างใกล้ชิด ขณะที่สีหน้าของนายชาดา มีอาการเครียดอย่างเห็นได้ชัด
**"เฉลิม"แนะรีบให้ปากคำตำรวจ
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนได้คุยโทรศัพท์กับ พล.ต.ต.องอาจ ผิวเรือง ผบก.ภ.จ.นครราชสีมา และ พล.ต.ท.ภาณุ เกิดลาภผล ผบช.ภ.3 ซึ่งหลังจากสอบสวนไปได้ 1 วัน ได้ข้อเท็จจริงว่า ระหว่างที่รถที่นายฟารุต นั่งมามีรถกระบะมิตซูบิชิ สตราดา ขับตามมาและมีการเปิด-ปิดสปอร์ตไลต์หลายครั้ง กระทั่งรถคันดังกล่าวขับประกบจึงมีการยิงตอบโต้กันทั้ง 2 ฝ่ายจนเป็นเหตุให้นายฟารุต เสียชีวิต อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่พยายามจะสอบพยานเพิ่มเติม แต่เพิ่งสอบไปได้ 2 ปากและยังไม่ชัดเจน ซึ่งตนก็กำชับไปว่าอย่าเพิ่งตัดประเด็นอื่น ต้องพยายามสอบให้ถึงที่สุด ซึ่งก็เป็นคดีธรรมดา ไม่มีอิทธิพลแต่อย่างใด
ผู้สื่อข่าวถามว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจให้น้ำหนักในประเด็นการเมืองหรือเหตุเฉพาะหน้า ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า เหตุเฉพาะหน้า แต่ตนก็กำชับว่าอย่าเพิ่งไปตัดประเด็นอื่น ดีที่สุดนายชาดา และพยานทั้งหมดควรมาให้การเพิ่มเติมจะได้รู้ข้อเท็จจริง โดยถ้ามาให้ปากคำเร็วก็จะเป็นประโยชน์ต่อการสืบสวน แต่หากผู้เสียหายจะมาช้าหรือเร็วเจ้าหน้าที่ตำรวจก็บังคับไม่ได้เพราะเป็นสิทธิ อย่างไรก็ตาม ถ้าผู้เสียหายไม่มา ก็สรุปคดีไม่ได้ เพราะมีการพบปอกกระสุนที่มาจากรถมิตซูบิชิ สตราดา และรถคันที่นายฟารุตนั่งก็มีการเปิดกระจกรถด้านหน้าแล้วยิงด้วย